L&I ETFs หนึ่งในเครื่องมือการลงทุนที่นักลงทุนในไทยหลายคนอาจยังไม่รู้จัก เป็นกองทุนที่ออกแบบมาให้ ‘เคลื่อนไหวแรงกว่าตลาด’ หรือ ‘ไปในทิศทางตรงข้ามกับตลาด’ ต่างจาก ETF ปกติที่มักจะเคลื่อนไหวตามดัชนีแบบตรงไปตรงมา ในต่างประเทศหลายประเทศ เช่น สวีเดน สหรัฐฯ หรือในเอเชียอย่าง ฮ่องกง ไต้หวัน นิยมใช้ L&I ETFs กันมานานแล้ว แต่ในไทยเพิ่งมี
TODAY Bizview จะพาไปรู้จัก L&I ETFs กับการพูดคุยกับ ‘อรรถนันต์ ปิยเศรษฐ์’ ผอ.อาวุโส ฝ่าย Structured Products และฝ่ายหลักทรัพย์ต่างประเทศ หลักทรัพย์บัวหลวง ซึ่งบัวหลวงเป็นเจ้าแรกที่เปิดขายผลิตภัณฑ์นี้ในไทย
[ L&I ETFs คืออะไร? ]
‘อรรถนันต์’ อธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ว่าคือ ‘กองทุน ETF แบบพิเศษ’ ที่ทำให้ผลตอบแทนแรงกว่าตลาดจริง หรือสวนทางตลาดได้ในแต่ละวัน ชื่อเต็มของมันคือ Leveraged & Inverse ETF แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ
- Leveraged ETF (L) เคลื่อนไหว ‘แรงกว่า’ ตลาด เช่น ถ้าตลาดขึ้น 1% กองทุนนี้อาจขึ้น 2%
- Inverse ETF (I) เคลื่อนไหว ‘สวนทาง’ ตลาด เช่น ถ้าตลาดลง 1% กองทุนนี้จะขึ้น 1%
หรือพูดให้เห็นภาพมากขึ้น คือถ้า ETF ปกติคือ การลงทุนแบบมาตรฐาน L&I ETFs ก็คือ ‘โหมดเร่งเครื่อง’ ที่นักลงทุนสามารถใช้เพื่อเก็งกำไรได้รวดเร็วขึ้น
[ กลไกคืออัตราทดคงที่รายวัน ]
‘อรรถนันต์’ บอกว่า หัวใจของ L&I ETFs คือ อัตราทด (Leverage) ที่คงที่ทุกวัน หรือที่เรียกว่า Daily Rebalancing หมายความว่า ทุกสิ้นวันผู้จัดการกองทุนจะปรับพอร์ต เพื่อให้ผลตอบแทนเคลื่อนไหวตามอัตราทดที่กำหนด เช่น 2 เท่าของดัชนีอ้างอิง ตัวอย่างง่ายๆ
ถ้าวันนี้ SET50 ขึ้น 1% → L ETF 2X จะขึ้น 2% หรือ ถ้าวันนี้ SET50 ลง 1% → L ETF 2X ก็จะลง 2%
ส่วนฝั่งสวนทางอย่าง I ETF (Inverse ETF) จะเคลื่อนไหวตรงข้ามกับตลาด ตัวอย่าง ถ้าวันนี้ SET50 ลง 1% → I ETF 1X จะขึ้น 1% หรือ 2% ถ้าเป็นแบบ 2I แต่ถ้า SET50 ขึ้น → I ETF ก็จะลดลงในทิศทางตรงข้า
โดยกองทุนจะรีเซ็ตอัตราทดใหม่ทุกวัน ผลตอบแทนสะสมในระยะยาวอาจไม่เท่ากับ 2 เท่าของตลาดเสมอไป ถ้าตลาดมีทิศทางชัด ผลตอบแทนจะมากกว่า 2 เท่า แต่ถ้าตลาดแกว่งขึ้นลงในกรอบ กองทุนจะค่อยๆ เสียมูลค่าไปตามเวลา

‘อรรถนันต์ ปิยเศรษฐ์’ ผอ.อาวุโส ฝ่าย Structured Products และฝ่ายหลักทรัพย์ต่างประเทศ หลักทรัพย์บัวหลวง
[ เหมาะกับสายเทรด ไม่ใช่สายถือยาว ]
“L&I ETFs ถูกออกแบบมาสำหรับการ ‘เล่นสั้นๆ’ มากกว่าการถือยาว เพราะหากถือเกิน 1 เดือน ผลตอบแทนจะเริ่มเพี้ยนจากกลไกการรีเซ็ตรายวันถือเกิน 1 เดือนจะเริ่มแปลกๆ แล้ว” อรรถนันต์ กล่าว
ซึ่งทาง ก.ล.ต. เองก็มีข้อกำหนดให้โบรกเกอร์ต้องติดต่อผู้ลงทุนที่ถือครองเกิน 1 เดือน เพื่อยืนยันว่าผู้ลงทุนเข้าใจกลไกของการทบต้นรายวัน (Compounding Effect) ที่อาจทำให้ผลตอบแทนเพี้ยนเมื่อถือยาว
นอกจากนี้ โดยพื้นฐานแล้วแม้ว่า L&I ETFs จะไม่ได้มีกลไกที่ยากหรือซับซ้อนจนไม่สามารถเข้าใจได้เลย แต่ด้วยความที่เป็นการเล่นระยะสั้น สิ่งที่ผู้เล่นควรมีคือพื้นฐานของการดูหุ้นเป็น เช่น ภาพรวมตลาดจะไปในทิศทางไหน แนวโน้มกราฟเบื้องต้น เพราะถ้าดูเป็นก็จะได้เปรียบมากกว่าคนที่ดูไม่เป็น
ดังนั้น อรรถนันต์ จึงแนะนำว่า “L&I ETFs มีความผันผวน มีความเสี่ยงที่มากกว่า ETF ปกติอยู่แล้ว มือใหม่ควรเริ่มเล่นทีละน้อยก่อน และต้องติดตามหน้าจอ ต้องมีวินัย ต้องกำหนดจุดซื้อขายกำหนดจุดเข้าออกให้ครบ ใช้ความระมัดระวังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเสมอ ”
[ เจ้าแรกเปิดขาย L&I ETFs ในไทย ]
บล.บัวหลวง และ บลจ.บีแคป เปิดตัวกองทุนใหม่อ้างอิง SET50 Total Return Index (SET50 TRI) แบ่งออกเป็น 3 ผลิตภัณฑ์ ซึ่งนับว่าเป็นเจ้าแรกในไทย ได้แก่
ในฝั่งของ Leveraged ETF (2X01BSET50) ถูกออกแบบมาสำหรับนักลงทุนที่มองว่าตลาดกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น (Bull Market) เพราะให้ผลตอบแทนทวีคูณเมื่อดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้น
ขณะที่ฝั่ง Inverse ETFs เหมาะกับช่วงตลาดขาลง โดยมีให้เลือกทั้งแบบ -1 เท่า (1I01BSET50) และ -2 เท่า (2I01BSET50) ซึ่งตอบโจทย์สายเทรดที่ต้องการเก็งกำไรในระยะสั้นได้ยืดหยุ่นกว่าเดิม
กองทุนชุดนี้เปิดขาย IPO วันที่ 22 กันยายน 2568 ผ่านแอป Wealth Connex และเริ่มซื้อขายจริงในวันที่ 26 กันยายน 2568 ผ่านระบบ Streaming นักลงทุนสามารถใช้พอร์ตเดิมได้เลย ไม่ต้องเปิดพอร์ตใหม่ ซึ่งหลักจากเปิดขายมานักลงทุนตอบรับค่อนข้างดี วอลุ่มเทรดค่อนข้างดี เชื่อว่าจะเป็นทางเลือกการลงทุนที่ตอบโจทย์กับนักลงทุนไทยมากขึ้น










