ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา Mixue ร้านชานมชื่อดังจากจีนเข้า IPO ในตลาดหุ้นฮ่องกง ด้วยการเสนอขายหุ้น IPO ทั้งหมด 17 ล้านหุ้น ซึ่งหุ้น IPO ของ Mixue ได้รับความสนใจอย่างมาก มีนักลงทุนรายย่อยจองซื้อหุ้นมากกว่าจำนวนที่เสนอขายถึง 5,258 เท่า
ทำให้เมื่อเข้าเทรดวันแรกเมื่อวันที่ 3 มี.ค. 2025 ที่ผ่านมา หุ้นของ Mixue Group (2097.HK) พุ่งขึ้นกว่า 47% มีราคาคงที่ที่ 202.5 ดอลลาร์ฮ่องกง (HK$) ต่อหุ้น
โดยวันเดียวสามารถระดมทุนได้ถึง 444 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราวๆ 14,991 ล้านบาท ท่ามกลางความอ่อนแอของตลาดหุ้นฮ่องกงที่มีผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างประเทศ
ที่น่าสนใจคือ ทำไมนักลงทุนถึงสนใจหุ้นตัวนี้เป็นอย่างมาก บทความนี้อาจเป็นคำตอบได้ ย้อนกลับไปคิดถ้าคุณมีเงิน 20,000 บาท จะเอาไปลงทุนกับอะไรให้ได้ผลตอบแทนมากที่สุด?
สำหรับ ‘จาง หงชุ่ย’ (Zhang Hongchuan) เขาเอาเงินทุนที่ยืมยายมา 4,000 หยวนหรือราวๆ 20,000 บาท ตามค่าเงินในปี 1997 ไปลงทุนทำร้านไอศกรีมและชานม ในราคาที่เข้าถึงได้ จนกลายมาเป็น ‘Mixue’ ที่กระจายสาขาไปมากกว่า 45,000 สาขาทั่วโลก มากกว่าเชนร้านกาแฟดังอย่างสตาร์บัคส์ที่มีอยู่ 40,576 สาขาทั่วโลกเสียอีก
[ Mixue มีระบบแฟรนไชส์แข็งแรง มีที่ผลิตวัตถุดิบเอง ทำธุรกิจโตไว ]
Mixue ก่อตั้งขึ้นในฐานะร้านขายน้ำแข็งไสเล็กๆ ในเมือง เจิ้งโจว มณฑลเหอหนานช่วงแรก Mixue เน้นขายไอศกรีมและเครื่องดื่มเย็นในราคาถูก เพื่อดึงดูดลูกค้ากลุ่มวัยรุ่นและนักศึกษา เน้นกลยุทธ์ “ของดี ราคาถูก” โดยที่ราคาเริ่มต้นของไอศกรีมอยู่ที่ราวๆ 2 หยวน (10 บาท) ส่วนชานมก็แพงขึ้นมาหน่อยแต่เอื้อมถึงได้สบายๆ ทำราคาเพื่อตีตลาดคนทั่วไป รวมถึงยังมีมาสคอต “Snow King” ที่เป็นเอกลักษณ์ ทำให้แบรนด์จดจำง่าย
ก่อนที่ใน 2007 จะเริ่มขยายธุรกิจในรูปแบบแฟรนไชส์ ที่มีวัตถุดิบเป็นของตัวเอง ใครซื้อแฟรนไชส์ไปก็ไม่ต้องหาวัตถุดิบเองหรือควบคุมต้นทุนอะไรมากนัก ต่อมาในปี 2014 Mixue เปิดศูนย์กระจายสินค้า ขนาดใหญ่ในเจิ้งโจว เพื่อผลิตและส่งวัตถุดิบให้กับแฟรนไชส์ทั่วประเทศจีน
ทำให้ Mixue มีจุดแข็งในระบบแฟรนไชส์มาก แถมมีโรงงานผลิตและซัพพลายเชนของตัวเองอีกด้วย ทำให้ธุรกิจก็ตีตลาดในจีนได้ เป็นร้านชานมชื่อดังที่ใครๆ ก็นึกถึงเวลาที่ต้องการดื่ม จนแบรนด์ขยายไปทั่วจีนและขยายออกมาต่างประเทศมากขึ้น
ปัจจุบัน Mixue มีสาขาอยู่ในจีนราวๆ 40,200 สาขา ในต่างประเทศ อาทิ อินโดนีเซีย 2,667 สาขา, เวียดนาม 1,304 สาขา, มาเลเซีย 337 สาขา, ไทย 272 สาขา, ฟิลิปปินส์ 98 สาขา, กัมพูชา 40 สาขา, ลาว 22 สาขา, สิงคโปร์ 22 สาขา, ออสเตรเลีย 12 สาขา, เกาหลีใต้ 7 สาขา, ญี่ปุ่น 5 สาขา (ข้อมูลสิ้นไตรมาส 3 ปี 2024)
ด้วยภาพจำที่เป็นแบรนด์ชานมชื่อดังจากจีน ทำให้ส่วนใหญ่เวลาขยายไปต่างประเทศก็มักจะมีชื่อเสียง ดูได้จากเคสของประเทศไทย ในช่วงแรกๆ ที่เข้ามา มีผู้สนใจแฟรนไชส์รัวๆ จนต้องโพสต์ปิดรับสมัครชั่วคราว กลายเป็นตอนนี้ขยายสาขาหลายแห่งไปทั่วไทยแล้ว
[ Mixue IPO วันแรกหุ้น +47% ทำเงินระดมทุนไปได้ 1.4 หมื่นล้านบาท ]
อย่างไรก็ตาม ด้วยการเติบโตขอธุรกิจอาหารเครื่องดื่มในจีนและในอาเซียน จะเห็นว่าธุรกิจของ Mixue ยังคงมีการเติบโตที่ดีอยู่ ถ้าเรามาดูคาดการณ์จะพบว่าตลาดเครื่องดื่มสดในจีนโตเฉลี่ย 22.2% ต่อปี และในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โต 19.8% ต่อปี (ปี 2023 – 2028)
ซึ่ง Mixue ใช้โอกาสนี้ปรับเปลี่ยนธุรกิจมาเน้นการขายวัตถุดิบและอุปกรณ์ให้แฟรนไชส์ มากกว่าการเปิดร้านเอง โดยในปี 2023 กำไรสุทธิอยู่ที่ 3.49 พันล้านหยวน หรือราวๆ 1.7 หมื่นล้านบาท
‘จาง หงชุ่ย’ ไม่หยุดขยายอาณาจักร Mixue แค่นี้ เขานำบริษัทเข้า IPO ในตลาดหุ้นฮ่องกง ด้วยการเสนอขายหุ้น IPO ทั้งหมด 17 ล้านหุ้น ซึ่งหุ้น IPO ของ Mixue ได้รับความสนใจอย่างมาก มีนักลงทุนรายย่อยจองซื้อหุ้นมากกว่าจำนวนที่เสนอขายถึง 5,258 เท่า เข้าเทรดวันแรกสามารถระดมทุนได้ถึง 444 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราวๆ 14,991 ล้านบาท
ที่เป็นเช่นนี้อาจเพราะว่าโมเดลธุรกิจน่าสนใจ และถ้ามาดูในสัดส่วนของรายได้จะพบว่าทุกๆ 100 บาทของ Mixue จะแบ่งสัดส่วนเป็น ค่าวัตถุดิบ 67 บาท ค่าพนักงาน 8 บาท ค่าภาษี 6 บาท และกำไรจะอยู่ที่ 19 บาท และอิงจากแนวโน้มการเติบโตของตลาดเครื่องดื่มในจีนและอาเซียนนั่นเอง
และนี่ทั้งหมดนี้อาจเป็นบทสรุปของหุ้น Mixue บริษัทชานมต้นทุน 20,000 บาท สู่บริษัทชานมมหาชนหมื่นล้านที่เติบโตท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว…










