วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของโมเดอร์นากลายเป็นวัคซีนตัวที่ 2 ที่ได้รับคำแนะนำให้อนุมัติใช้งานจากหน่วยงานด้านยาของสหภาพยุโรป
วันที่ 6 ม.ค. 2564 สำนักงานด้านการแพทย์ของสหภาพยุโรป (EMA) ได้แนะนำให้ทำการอนุมัติใช้งานวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของ โมเดอร์นา (Moderna) สำหรับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และคาดว่าจะได้รับอนุมัติอย่างเป็นทางการในขั้นตอนสุดท้ายเร็วๆ นี้
📢 EMA has recommended granting a conditional marketing authorisation for COVID-19 Vaccine Moderna to prevent #COVID19 in people from 18 years of age: https://t.co/l9KMZlx7wa pic.twitter.com/BdvXanjOHN
— EU Medicines Agency (@EMA_News) January 6, 2021
โมเดอร์นานับเป็นผู้ผลิตวัคซีนรายที่สองต่อจาก ไฟเซอร์ (Pfizer) และ ไบโอเอ็นเทค (BioNTech) ที่ทางหน่วยงานให้ความเห็นชอบในการกระจายวัคซีนสู่ 27 ชาติสมาชิก
จากแถลงการณ์ระบุว่า ในการทดสอบวัคซีนตัวนี้ในมนุษย์ พบว่ามีประสิทธิภาพในการป้องกันการเกิดอาการป่วยของโรคโควิด-19 อยู่ที่ 94.1% โดยในผู้ที่ได้รับวัคซีนจริงระหว่างการทดสอบทั้งหมด 14,134 ราย มี 11 รายที่มีอาการป่วย ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งที่ได้รับวัคซีนหลอก 14,073 ราย มี 185 รายที่มีอาการป่วย
สำหรับการใช้งานวัคซีนในสหภาพยุโรป หรือ อียู เป็นการอนุมัติภายใต้เงื่อนไขพิเศษ ที่เปิดให้มีการใช้วัคซีนได้แม้ว่าจะยังมีข้อมูลการทดสอบทางคลินิกไม่เพียงพอสำหรับการพิจารณาในสภาวะปกติ โดยเป็นกรณีที่ประโยชน์ของการมีวัคซีนใช้งานในทันทีนั้นมีน้ำหนักมากกว่าความเสี่ยงที่เกิดจากข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน
ที่ผ่านมา ทางอียูได้มีการสั่งจองวัคซีนจากโมเดอร์นาแล้ว 160 ล้านโดส เมื่อนำไปรวมกับวัคซีนของไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทคที่สั่งซื้อไว้ 300 ล้านโดสและเริ่มฉีดให้ประชากรในชาติสมาชิกไปแล้ว จะทำให้อียูมีวัคซีนพร้อมฉีดแล้วทั้งสิ้น 460 ล้านโดส ซึ่งเพียงพอต่อการฉีดให้ประชากร 230 ล้านคน จากทั้งหมด 448 ล้านคน
การที่วัคซีนของโมเดอร์นาสามารถเก็บรักษาแบบแช่แข็งที่อุณหภูมิ -20 องศาเซลเซียส ทำให้มีการคาดการณ์ว่าจะสามารถกระจายสู่ชาติสมาชิกได้สะดวกยิ่งขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมา วัคซีนของไฟเซอร์จำเป็นต้องเก็บรักษาที่อุณหภูมิ -70 องศาเซลเซียส ทำให้กระบวนการขนส่งล่าช้าลงเนื่องจากอุปกรณ์ที่ใช้กักเก็บในอุณหภูมิที่ต่ำขนาดนั้นยังคงมีจำกัดอยู่










