ผู้บริหารฝ่ายการแพทย์ของโมเดอร์นายืนยันว่าประโยชน์จากวัคซีนมีมากกว่าความเสี่ยง ท่ามกลางปัญหารอบด้านที่บริษัทกำลังเผชิญอยู่
วันที่ 11 พ.ย. 2564 สำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานการแถลงข่าวของโมเดอร์นา (Moderna) ถึงกรณีที่หลายชาติระงับฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัท ให้กับกลุ่มที่มีอายุต่ำกว่า 30 ปี เนื่องจากพบว่ามีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบเพิ่มสูงกว่ากลุ่มอื่น
พอล เบอร์ตัน ประธานบริหารด้านการแพทย์ของโมเดอร์นา ยอมรับว่าวัคซีนมีส่วนเชื่อมโยงกับผลข้างเคียงกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบในกลุ่มผู้ชายอายุน้อย โดยทางโมเดอร์นายังคงยืนยันว่าประโยชน์ที่ได้รับจากวัคซีนมีมากกว่าความเสี่ยง ซึ่งเป็นผลข้างเคียงที่มีโอกาสเกิดได้ยากมาก
เมื่อเปรียบเทียบกับวัคซีนของไฟเซอร์ (Pfizer) และ ไบโอเอนเทค (BioNTech) แล้ว พบว่าวัคซีนของโมเดอร์นามีเคสกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบในกลุ่มผู้ชายอายุ 12-29 ปีสูงขึ้นเพียง 10 ใน 100,000 คนที่ได้รับวัคซีน โดยอาจเป็นผลมาจากฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่มีมากในเพศชาย
ปัจจุบันโมเดอร์นากำลังเผชิญกับปัญหาหลายด้าน ซึ่งรวมไปถึงเรื่องของสิทธิบัตรด้านวัคซีน ที่กำลังอยู่ในขั้นตอนทางกฎหมายกับสถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐฯ (NIH)
รัฐบาลสหรัฐฯ ออกมาคัดค้านในการที่โมเดอร์นาใส่ชื่อเฉพาะนักวิทยาศาสตร์ของบริษัทในสิทธิบัตรวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 และไม่ยอมใส่ชื่อของ 3 คนที่ทำงานให้กับสถาบันวิจัยวัคซีนของ NIH ในการยื่นจดสิทธิบัตร
โมเดอร์นาระบุว่า ทางบริษัทไม่เห็นด้วยหากจะบอกว่าทั้ง 3 คนมีส่วนช่วยในการคิดค้นลำดับ mRNA ที่ใช่ในวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19
อย่างไรก็ตาม ฟรานซิส คอลลินส์ ผู้อำนวยการของ NIH เปิดเผยว่า ทางหน่วยงานยังคงยืนยันในการอ้างสิทธิ์ดังกล่าว และหากไม่สามารถตกลงกันได้ ก็จะนำเรื่องนี้เข้าสู่กระบวนการในชั้นศาล
นอกจากนี้ โมเดอร์นายังต้องลดตัวเลขคาดการณ์จำนวนวัคซีนที่จะผลิตในปีหน้า รวมถึงยอดขายวัคซีนโควิด-19 ในปีนี้ จากปัญหาด้านการขนส่ง ซึ่งเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าบริษัทกำลังประสบกับความยากลำบากในการเปลี่ยนจากการทำธุรกิจที่เน้นตลาดในประเทศ ไปสู่การส่งวัคซีนแก่นานาชาติ










