เผด็จการเมียนมาโจมตีคอนเสิร์ตคะฉิ่น ใช้เครื่องบิน 3 ลำถล่ม ตายพุ่ง 80 คน รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่รัฐประหาร

เผด็จการเมียนมาโจมตีคอนเสิร์ตคะฉิ่น ใช้เครื่องบิน 3 ลำถล่ม ตายพุ่ง 80 คน รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่รัฐประหาร

เผด็จการทหารเมียนมา ก่อเหตุโจมตีทางอากาศรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ก่อรัฐประหาร ด้วยการทิ้งระเบิดใส่คอนเสิร์ตกลุ่มชาติพันธุ์คะฉิ่น รายงานล่าสุดมีผู้เสียชีวิตแล้ว 80 คน
.
โดยตัวเลขผู้เสียชีวิตล่าสุด มาจากสำนักข่าวเอพี ซึ่งอ้างแหล่งข่าวใกล้ชิดเจ้าหน้าที่กองกำลังอิสรภาพคะฉิ่น (KIA) ถือว่าเป็นตัวเลขผู้เสียชีวิตที่พุ่งขึ้นอย่างก้าวกระโดดจากรายงานเมื่อวานนี้ (24 ต.ค.) ซึ่งอยู่ที่ราว 60 คน ขณะที่ตัวเลขผู้บาดเจ็บอยู่ที่ประมาณ 100 คน
.
เหตุโจมตีครั้งนี้เกิดขึ้นกับคอนเสิร์ตเฉลิมฉลองเนื่องในวาระครบรอบ 62 ปีองค์การเอกราชคะฉิ่น (KIO) เมื่อช่วงเย็นวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (23 ต.ค.) โดยรายงานระบุว่า ขณะเกิดการโจมตีมีผู้เข้าร่วมงานมากถึง 300-500 คน รวมทั้งเจ้าหน้าที่ระดับสูง ทหาร นักธุรกิจ นักดนตรีและประชาชนทั่วไป สอดคล้องเว็บไซต์อิระวดี สื่อท้องถิ่นเมียนมารายงานว่า ในจำนวนผู้เสียชีวิตมีศิลปินที่มีชื่อเสียงรวมอยู่ด้วย
.
สื่อท้องถิ่นของเมียนมารายงานว่า กองทัพเมียนมาใช้เครื่องบิน 3 ลำ โจมตีทางอากาศคอนเสิร์ตดังกล่าว โดยเชื่อว่าเป็นเครื่องบินรุ่น Yak-130s และ MIG-29s ซึ่งมีคุณสมบัติสามารถใช้โจมตีได้ในเวลากลางคืน
.
เมย์ หว่อง ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์แชนแนล นิวส์ เอเชีย สื่อสิงคโปร์ เผยแพร่วิดีโอที่ระบุว่า เป็นสภาพพื้นที่หลังเกิดเหตุ ซึ่งเห็นได้ว่า การโจมตีทำลายพื้นที่จนเหลือแต่ซากปรักหักพัง

รายงานข่าวจากสื่อท้องถิ่นในรัฐคะฉิ่นยังอ้างด้วยว่า หลังเกิดเหตุผู้บาดเจ็บถูกสกัดไม่ให้นำตัวไปรักษาที่โรงพยาบาล จนทำให้แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล หน่วยงานสิทธิมนุษยชน ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลทหารเมียนมาเปิดทางให้ความช่วยเหลือมนุษยธรรมเข้าถึงพื้นที่เกิดเหตุดังกล่าว
.
ขณะที่รัฐบาลทหารเมียนมาออกมายืนยันเมื่อวานนี้ (24 ต.ค.) ว่าทางการได้โจมตีฐานที่มั่นของกองกำลังอิสรภาพคะฉิ่นจริง โดยระบุว่าเป็นการโจมตีสำนักงาน และปฏิเสธถึงการโจมตีคอนเสิร์ต ก่อนจะย้ำว่าเป็นปฏิบัติการที่จำเป็นเพื่อต่อต้านการก่อการร้าย
.
การโจมตีในครั้งนี้ถูกระบุว่าเป็นเหตุโจมตีทางอากาศที่รุนแรงที่สุด นับตั้งแต่กองทัพเมียนมาก่อรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 ก.พ. ปีที่แล้ว ซึ่งองค์การสหประชาชาติออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจและแสดงความกังวลอย่างมากต่อเหตุการณ์ดังกล่าว
.
ที่มา AP, Irrawaddy, BBC

TODAYWriterTODAY

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง