ปราบคอลเซ็นเตอร์เมียนมา ทำลายตึกแบบมินิมอล แต่โม้ว่าสิ้นซาก?

สิ้นซากหรือสร้างภาพ?

สแกมเมอร์เมียนมา

ไทยจริงจังหรือยัง

.

‘สิ้นชื่อ KK Park – ชเวโก๊กโก่ กลายเป็นพาดหัวตามหน้าสื่อในช่วงกลางเดือนธันวาคมที่ผ่านมา หลังมีรายงานการ ‘ทลายรัง’ สแกมเมอร์ ด้วยการทุบตึกบัญชาการ พร้อมนำคณะทำงานของไทยและจีนเข้าตรวจสอบพื้นที่

นี่เป็นการทำลายที่ ‘ราบเป็นหน้ากลอง’ แล้วจริงหรือไม่ HEADLINE ขีดเส้นใต้ประเด็นใหญ่ โดยสำนักข่าว TODAY พูดคุยกับ อรรวี แตงมีแสง หรือ แนทตี้ อดีตนักข่าวผู้ติดตามเรื่องราวในเมียนมา และ เจ้าของเพจ ‘Natty Loves Myanmar’

.

[สแกมเมอร์เมียนมา สิ้นซากหรือสร้างภาพ]

.

แม้จากรายงานของหน่วยงานความมั่นคงของเมียนมา ที่ได้พาคณะทำงานไทยและจีนเข้าตรวจสอบพื้นที่ KK Park และ ชเวโก๊กโก่ ซึ่งเป็นฐานบัญชาการใหญ่ของแก๊งสแกมเมอร์หรือคอลเซ็นเตอร์ พร้อมระบุเป็นความสำเร็จว่า “พื้นที่ชายแดนจะไม่ใช่เซฟโซนของอาชญากรอีกต่อไป”

.

อรรวี แตงมีแสง หรือ แนทตี้ อดีตนักข่าวผู้ติดตามเรื่องราวในเมียนมา และ เจ้าของเพจ ‘Natty Loves Myanmar’ อธิบายว่าจริงๆ แล้ว KK Park มีพื้นที่กว้างใหญ่และมีหลายโซน ซึ่งโซนที่มีการทำลายระเบิดตึกต่างๆ เป็นเพียงแค่โซนเดียวเท่านั้น ยังมีอีกประมาณ 2 โซนที่ยังไม่ได้มีการทำลายอะไรเกิดขึ้น ถือว่าเป็นการทำลายแบบ “เวรี่มินิมอล” มากๆ เช่นเดียวกันกับชเวโก๊กโก่ที่เป็นเมืองใหญ่มากเช่นกัน

.

“ถามว่าเป็นการจัดฉากมั้ย ก็คือเราก็อาจจะเรียกได้ว่าเป็นการสร้างภาพ สร้างความน่าเชื่อถือ ให้ดูเหมือนว่ารัฐบาลทหารเมียนมามีความจริงจังในการปราบปรามแหล่งสแกมเมอร์เหล่านี้ แต่ที่จะเข้าพอยต์ต่อไปก็คือว่า มันไม่ใช่ว่าแค่มีแค่ KK Park และชเวโก๊กโก่ไง มันยังมีอีกมากมายที่อยู่ในบริเวณริมน้ำเมย ตั้งแต่แม่สอดยาวลงไปถึงพบพระ” แนทตี้ ระบุ

.

นี่จึงไม่ใช่การปราบปราม แต่เป็นการย้ายถิ่นฐานของสแกมเมอร์ในสายตาของ อรรวี ซึ่งเธอระบุว่าตอนนี้ไปแทบทุกที่ ตั้งแต่ ลาว ย่างกุ้ง มัณฑะเลย์ ลงใต้ไปถึงด่านเจดีย์สามองค์ กาญจนบุรี เข้าไปลึกในเมียวดี นอกจากนั้นยังมีในพื้นที่ภายใต้การควบคุมของกองทัพกะเหรี่ยงพุทธประชาธิปไตย Democratic Karen Buddhist Army (DKBA) อีกไม่รู้เท่าไหร่

.

[Toxic Relationship ดีลยังไงให้ทำลายได้]

.

เพื่อให้เข้าใจและเห็นภาพมากขึ้น แนทตี้ ฉายภาพให้เห็นว่า ชเวโก๊กโก่ เรียกได้ว่าเป็นเหมือนฐานที่มั่นและแหล่งเงินแหล่งทองของ Border Guard Force (BGF) นำโดย หม่อง ชิต ตู่ หรือ พ.อ.ซอ ชิต ตู่ ซึ่งนอกจากฐานบัญชาการของสแกมเมอร์แล้ว ยังมีโรงแรม บ้านพัก สนามฟุตบอล และฐานกองกำลังอยู่ด้วย นอกจากนั้นแล้ว BGF โดยคนรอบข้างของ หม่อง ชิต ตู่ ก็ยังมีส่วนเอี่ยวกับ KK Park ด้วยเช่นกัน 

.

“จริงๆ แล้วเนี่ย ความต้องพูดว่าความสัมพันธ์ที่ถ้าเป็นภาษาวัยรุ่นอะเนาะ ก็เรียกว่า Toxic Relationship แล้วกัน ก็คือเขาคุยกันด้วยผลประโยชน์ คือผลประโยชน์ลงตัว หรือว่าการที่แบบ อะ ขอตรงนี้หน่อยแล้วกัน ขอทำลายหน่อยนะ เพื่อเป็นการแบบสร้างภาพ ก็คือการทำลายแต่ละครั้ง ต้องเข้าใจว่ามันคือเรายังไม่เห็นการจับกุมบอสใหญ่เลยนะ” แนทตี้ เปรียบเปรย

.

เธอระบุว่า นี่เป็นการ “ถ่ายเลือด” คนเก่าไป คนใหม่มา เนื่องจาก “เวลาเกิดการย้ายถิ่นฐานแต่ละครั้ง มันทำให้เขาหาเงินได้อีกมาก” เนื่องจากการย้ายเข้าไปในพื้นที่ใหม่ ไม่ฟรี ต้องมีค่าธรรมเนียม โดยเฉพาะ ‘บอสใหญ่จีน’ ที่ต้องการความคุ้มครอง

.

[ฝ่ายไทยต้องนำและปรับกลยุทธ์] 

.

การจะแก้ปัญหาสแกมเมอร์อย่างจริงจัง ต้องอาศัยการบูรณาการจากหลายประเทศและหลายหน่วยงาน ซึ่งหากมองมายังการทำงานของรัฐบาลไทยแล้ว แนทตี้ ให้ความเห็นว่ายังไม่เห็นการบูรณาการ และการวางแผนระยะยาว เธอตั้งคำถามว่า ทำไมจึงไม่เห็นคนจากฝั่งไทยเป็นคนลุยเอง กลับกลายเป็นภาพที่ออกมาเป็นคนจากจีนนำตลอด ทั้งๆ ที่ประเทศไทยสามารถเป็นผู้นำในการจัดการได้มากกว่านี้

.

“มันดูเหมือนเป็นอีเวนต์อะ มีมากันทีก็เฮโลกัน…ตัดไฟ ตัดเน็ต ตัดน้ำมัน แต่ทุกอย่างก็มีทางแก้ คือต้องเข้าใจว่าในวงการนี้ เงินสะพัดเป็นหลักล้านล้านบาท ไม่ว่าคุณจะตัดอะไร เขาหามาได้หมด คุณตัดไฟเค้าก็มีเครื่องปั่นไฟ มีโซลาร์เซลล์ คุณตัดน้ำมัน เขาก็มีการเอาน้ำมันมาจากในตัวเมืองเมียนมา หรือว่าน้ำมันมาจากทางฝั่งจีน” แนทตี้ กล่าว

.

เธอตั้งคำถามว่า ไทยมีความจริงจังในการจัดการเรื่องนี้แบบมีกลยุทธ์แล้วหรือยัง หรือมีแล้วในระดับผู้บัญชาการระดับสูง แต่ยังไม่ถูกสื่อสารมายังระดับประชาชนทั่วไป

.

นอกจากนี้ การที่จะแก้ปัญหานี้ คือต้องเปลี่ยนความคิดต้องเข้าใจบริบทการเมืองและการปกครองของเมียนมาจริงๆ ไม่ใช่ว่าจะคุยเฉพาะกับรัฐบาลทหารเมียนมา แต่ต้องเปิดการพูดคุยกับกลุ่มกองกำลังด้วยหรือไม่ เพราะว่าเขาอยู่ในพื้นที่ และต้องปรับกลยุทธ์ของไทยให้เท่าทันการเปลี่ยนไปของโลกด้วย