สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA เปิดเผยวันนี้ (2 ต.ค.) ถึงภาพจากดาวเทียมของ GISTDA เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ได้นำเสนอข้อมูลเปรียบเทียบ ‘พื้นที่น้ำท่วมขังทั่วประเทศ’ ย้อนหลัง 4 ปี แสดงให้เห็นความแตกต่างของฤดูกาลฝนและอิทธิพลของพายุ โดยมีตัวเลขรวมทั้งประเทศดังนี้

ปี 2568: 4,852,558 ไร่
ปี 2567: 3,053,486 ไร่
ปี 2566: 675,933 ไร่
ปี 2565: 5,331,737 ไร่
GISTDA ชี้ว่า จากข้อมูลชุดนี้ ปี 2565 มีพื้นที่น้ำท่วมขังสูงสุดในรอบ 4 ปี ประมาณ 5.33 ล้านไร่ ขณะที่ปี 2566 มีน้ำท่วมน้อยที่สุด เพียงประมาณ 6.8 แสนไร่ โดยในปีนี้ 2568 มีน้ำท่วมขังค่อนข้างมากสูงถึง 4.85 ล้านไร่
โดยภาพดาวเทียมเหล่านี้สะท้อนให้เห็นความผันผวนของสภาพอากาศและปริมาณฝนในประเทศไทยอย่างชัดเจนในรอบ 4 ปีที่ผ่านมา พื้นที่น้ำท่วมขังเดือนกันยายนมีความแตกต่างสูงสุดจากเพียง 6 แสนไร่ ไปจนถึงกว่า 5 ล้านไร่
GISTDA ระบุว่า ปัจจัยสำคัญที่อยู่เบื้องหลังคือปรากฏการณ์เอลนีโญ–ลานีญา และการเคลื่อนตัวของพายุหมุนเขตร้อน ซึ่งบางปีพายุเพียงลูกเดียวสามารถสร้างผลกระทบมหาศาลต่อหลายล้านไร่ของพื้นที่เกษตรและชุมชน
[เอลนีโญ–ลานีญา กำหนดชะตาฝน]
ปรากฏการณ์ ENSO (El Niño–La Niña เอลนีโญ-ลานีญา) มักถูกยกเป็นกลไกหลักที่ส่งผลต่อรูปแบบฝนทั่วประเทศไทย ซึ่งในปีที่มีลานีญา ระบบฝนมักมีปริมาณมากกว่าปกติ ทำให้ฝนตกชุกและโอกาสเกิดน้ำท่วมสูงขึ้น ส่วนในปีที่มีเอลนีโญ มักมีฝนลดลงหรือฝนกระจายตัวไม่ต่อเนื่อง ทำให้โอกาสน้ำท่วมน้อยลง
โดยปรากฏการณ์ ENSO เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในมหาสมุทรแปซิฟิกเขตศูนย์สูตร เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิน้ำทะเลและรูปแบบความกดอากาศในชั้นบรรยากาศ ส่งผลให้ปรากฏการณ์ เอลนีโญ ลานีญา หรือภาวะเป็นกลาง ปรากฏการณ์เหล่านี้เป็นตัวแปรสำคัญต่อการเกิดภัยแล้ง พายุ และน้ำท่วม
[พายุบางลูก ไม่เข้าไทยโดยตรง แต่เกิดฝนหนักได้]
รายงานของ GISTDA สรุปสถานการณ์ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาว่า ปี 2565 ซึ่งเป็นปีที่มีน้ำท่วมสูงสุด 5.33 ล้านไร่ ตรงกับปีที่พายุโนรูเข้ามาและส่งผลหนัก ไทยเผชิญพายุหมุนเขตร้อน 6 ลูกในปีนั้น รวมทั้งพายุโนรู (Noru) ซึ่งเป็นพายุลูกเดียวที่เคลื่อนเข้าไทยโดยตรง และส่งผลให้เกิดน้ำท่วมในหลายจังหวัด ทั้งภาคอีสาน ภาคกลาง ภาคเหนือ จากอิทธิพลจากลานีญา
ปี 2568 (ปีนี้) มีน้ำท่วมค่อนข้างมากในช่วงกันยายนสูงถึง 4.85 ล้านไร่ แม้พายุที่เข้าอาจไม่มาก แต่มีแนวโน้มฝนตกชุกจากระบบมรสุมและอิทธิพลจากลานีญา ซึ่งขณะนี้ก็ได้รับอิทธิพลจากพายุบัวลอยทำให้หลายพื้นที่เกิดน้ำท่วมฉับพลัน
ปี 2567 น้ำท่วม 3.05 ล้านไร่ ในปีนั้นมีพายุหมุนเขตร้อนที่เคลื่อนเข้ามายังไทยเพียง 1 ลูก คือพายุโซนร้อน ‘ซูลิก’ (SOULIK) ซึ่งถือว่าน้อยกว่าค่าเฉลี่ยทั่วไป และในปี 2567 เป็นปีที่เริ่มเข้าสู่ปรากฏการณ์ลานีญา
ปี 2566 ที่มีพื้นที่น้ำท่วมน้อย สอดคล้องกับอิทธิพลของเอลนีโญ หรือฝนตกเบาบางในหลายพื้นที่
GISTDA ย้ำว่าแม้บางพายุอาจไม่ “เข้าไทยโดยตรง” แต่ส่งอิทธิพลให้เกิดฝนในไทยในรูปแบบของหย่อมฝนหรือระบบฝนร่วม เช่น พายุที่เคลื่อนผ่านทะเลจีนใต้หรือทางฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ก็อาจก่อให้เกิดฝนตกหนักในไทยได้

GISTDA ยังเสนอว่า การเตรียมพร้อมต้อง “ยืดหยุ่น” ระบบจัดการน้ำ เมือง เขื่อน คลอง รวมถึงพื้นที่รับน้ำต่างๆ ต้องพร้อมรับได้กับฝนที่ตกหนักมากในพื้นที่จำกัด หรือ ฝนตกมากช่วงสั้น ซึ่งภัยธรรมชาติไม่รอใคร GISTDA ใช้เทคโนโลยีจากดาวเทียมติดตามสถานการณ์ด้านภัยพิบัติแบบใกล้ชิด
โดยข้อมูลจากอวกาศถูกแปรเปลี่ยนเป็นเครื่องมือสำคัญในการคาดการณ์ วิเคราะห์ และประเมินความเสี่ยง เพื่อให้หน่วยงานในระดับนโยบายและปฏิบัติสามารถนำไปใช้ประโยชน์ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือ ลดความสูญเสียทั้งชีวิต ทรัพย์สิน และผลกระทบทางเศรษฐกิจ และนี่คือการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีอวกาศที่จะแปรวิกฤติให้กลายเป็นโอกาสในการจัดการภัยพิบัติอย่างยั่งยืน










