ในงาน Computex ที่ไทเป พาเนลของ Jensen Huang ซีอีโอ Nvidia ผู้ออกแบบชิปประมวลผลและการ์ดจอ ได้รับความสนใจมากที่สุดพาเนลหนึ่ง เนื่องจาก Nvidia กำลังเป็นผู้เล่นที่มาแรงในสงคราม AI ชนิดที่ว่าเป็นผู้ชนะตัวจริงในสงคราม AI ไปแล้ว คนสายเทคโนโลยีต่างก็อยากรู้ว่า ในงาน Nvidia จะมาเปิดตัวเทคโนโลยีอะไรใหม่ๆ บ้า
ซึ่งก่อนจะเข้าเรื่องการเปิดตัว Huang พูดไว้ว่า เมื่อ generative AI มาถึง ไม่ว่าใครก็เป็นโปรแกรมเมอร์ได้
Huang บอกว่า “ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเรากำลังอยู่ในยุคคอมพิวเตอร์ใหม่
ทุกๆ ยุคของคอมพิวเตอร์ เราสามารถทำสิ่งต่างๆ ที่ไม่เคยทำได้มาก่อน ในยุคของ AI ก็สามารถทำได้เช่นกัน “อุปสรรคในการเขียนโปรแกรมต่ำอย่างไม่น่าเชื่อ เราได้ปิดช่องว่างทางดิจิตอลแล้ว ตอนนี้ทุกคนเป็นโปรแกรมเมอร์ ขอแค่เราต้องพูดอะไรบางอย่างกับคอมพิวเตอร์ ความก้าวหน้าที่รวดเร็ว การใช้งานง่าย คือเหตุผลที่ AI จะโตเร็วมาก และมันจะไปทั่วถึงทุกอุตสาหกรรม
[ Omniverse Avatar Cloud Engine หรือ ACE ดึง AI สู่โลกของวิดีโอเกม ]
ในพาเนลนี้ Huang เปิดตัวเทคโนโลยีใหม่หลายอย่าง เริ่มจากความสามารถใหม่ของแพลตฟอร์ม Omniverse Avatar Cloud Engine หรือ ACE ที่จะดึง generative AI มาใช้กับการพัฒนาวิดีโอเกม สามารถใช้ AI สร้างบทสนทนาในเกมได้แบบเรียลไทม์ พร้อมเสียงพูดและแอนิเมชั่นบนใบหน้า และเขียนภารกิจในเกมได้
ตัว ACE ยังสามารถสร้างตัวละครอวตารที่อิงกับหน้าตาของคนจริงได้เร็ว ทำลิปซิงค์เสียงพูดและขยับปากอวตารได้แบบสมจริง และโต้ตอบกับเสียงพูดของผู้เล่นได้ ซึ่งเป็นความสามารถการพูดคุยอย่างที่เราคุ้นเคยกันใน ChatGPT
นั่นหมายความว่า คนเขียนบทเกม ก็สามารถใช้งานเครื่องมือนี้ได้ (หรืออีกนัยหนึ่งคือ AI เขียนบทเกมแทนได้นั่นเอง)
ACE เป็นเทคโนโลยีที่มาจาก 3 เทคโนโลยีย่อยคือ NVIDIA NeMo ชุดพัฒนาโมเดลปัญญาประดิษฐ์ Large Language Model, NVIDIA Riva แปลงเสียงเป็นข้อความและแปลงข้อความเป็นเสียง, NVIDIA Omniverse Audio2Face ที่สามารถแปลงเสียงให้ออกมาเป็นสีหน้าตัวละครได้
นอกจากนี้ Nvidia ยังเปิดตัวจีพียูตัวใหม่เพื่อรับกับกระแส AI มาแรงคือ NVIDIA DGX GH200 แพลตฟอร์มการคำนวณสำหรับปัญญาประดิษฐ์ สามารถรองรับแรมสูงถึง 144TB บริษัทหรือลูกค้าสามารถใช้แพลตฟอร์มในการเทรนปัญญาประดิษฐ์ได้
[ ผลประกอบการ NVIDIA ไตรมาส 1 ประจำปีงบประมาณ 2024 ]
ก่อนจะเปิดงาน Computex ไม่กี่วัน Nvidia ก็รายงานผลประกอบการประจำ ไตรมาส 1 ตามปีงบประมาณ 2024 พบว่ากำไรยังพุ่งต่อเรื่อยๆ กำไรสุทธิอยู่ที่ 2,043 ล้านดอลลาร์
รายได้จาก Data Center ทำสถิติใหม่ 4,284 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 14%, รายได้กลุ่มเกมมิ่ง 2,240 ล้านดอลลาร์ ลดลง 38% กลุ่ม Professional Visualization 295 ล้านดอลลาร์ ลดลง 53% กลุ่มยานยนต์ 296 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 114%
หลายเรื่องราวประกอบกัน ส่งผลให้หุ้นบริษัทดีดตัวขึ้นเรื่อยๆ จนขึ้นแท่นเป็นบริษัทมูลค่าล้านล้านดอลลาร์ไปแล้ว จึงสามารถกล่าวได้ว่า นาทีนี้ ไม่มีใครจะร้อนแรงไปกว่า Nvidia แล้วจริงๆ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ยังไม่ชัดเจนว่าใครคือผู้ชนะในสงคราม AI แต่ผู้ที่ได้ประโยชน์ไปแล้วเต็มๆ คือ Nvidia https://cms.workpointtoday.com/nvidia-the-winner-of-ai-era/










