ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เผยแพร่บทความบน Washington Post ถึงสาเหตุของการเยือนไต้หวัน
ไม่นานหลังจากที่ แนนซี เพโลซี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากรัฐแคลิฟอร์เนีย พรรคเดโมแครต และประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เดินทางถึงไต้หวัน ก็ได้มีการเปิดเผยบทความที่เธอเขียนลงหนังสือพิมพ์ Washington Post ยืนยันว่าการเดินทางเยือนไต้หวันของคณะผู้แทนสภาคองเกรสนั้น เป็นการแสดงให้เห็นว่าสหรัฐฯ ยืนหยัดเคียงข้างไต้หวัน ซึ่งเป็นพันธมิตรด้านประชาธิปไตย ในการปกป้องตนเองและปกป้องเสรีภาพ
บทความดังกล่าวระบุว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รัฐบาลปักกิ่งยกระดับความตึงเครียดกับไต้หวันสูงขึ้นมาก มีการส่งเครื่องบินทิ้งระเบิด เครื่องบินขับไล่ และเครื่องบินตรวจการณ์โฉบเข้ามาใกล้ หรือรุกล้ำเขตป้องกันทางอากาศของไต้หวัน ซึ่งนำมาสู่การสรุปโดยกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ว่ากองทัพจีนมีแนวโน้มในการเตรียมผนวกไต้หวันเข้ากับจีนโดยใช้กำลัง
นอกจากกำลังทางทหารแล้ว จีนยังได้เปิดสงครามบนโลกไซเบอร์ ด้วยการโจมตีหน่วยงานรัฐของไต้หวันหลายต่อหลายครั้งในแต่ละวัน อีกทั้งยังบีบไต้หวันทางเศรษฐกิจ โดยพยายามกดดันให้ทั่วโลกตัดความสัมพันธ์กับไต้หวัน ข่มขู่ประเทศที่ร่วมมือกับไต้หวัน และกีดกันนักท่องเที่ยวจากจีนให้เดินทางมาไต้หวันน้อยลง
นางเพโลซียืนยันว่าจะมีการหารือกับทางการไต้หวัน เพื่อโฟกัสถึงเรื่องการสนับสนุนในด้านต่างๆ และนำเสนอเรื่องที่ให้ความสนใจร่วมกัน ซึ่งรวมไปถึงนโยบายอินโด-แปซิฟิกที่เสรีและเปิดกว้าง วันนี้ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันระหว่างสหรัฐฯ กับไต้หวันนั้นมีความสำคัญเพิ่มขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่เพียงแค่เฉพาะกับประชาชน 23 ล้านคนบนเกาะไต้หวันเท่านั้น แต่ยังสำคัญต่ออีกหลายล้านคนที่ถูกกดขี่และถูกคุกคามจากจีน และเราไม่สามารถอยู่เฉยขณะที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนข่มขู่ไต้หวันและประชาธิปไตยได้
ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ยอมรับว่า การเดินทางครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่โลกต้องเผชิญกับทางเลือกระหว่างเผด็จการและประชาธิปไตย จากการที่รัสเซียได้ก่อสงครามในยูเครน สังหารผู้บริสุทธิ์รวมถึงเด็กไปหลายพันคน จึงมีความจำเป็นอย่างมากที่อเมริกาและพันธมิตรจะต้องแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเราจะไม่มีวันยอมจำนนต่ออำนาจเผด็จการ
ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนเม.ย. ที่ผ่านมา นางเพโลซีได้นำคณะผู้แทนสภาคองเกรสไปเยือนยูเครน และบอกกล่าวกับประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ว่าสหรัฐฯ ชื่นชมการปกป้องประชาธิปไตยเพื่อยูเครน และเพื่อประชาธิปไตยทั่วโลก
นางเพโลซีทิ้งท้ายว่า การมาเยือนไต้หวันครั้งนี้ ก็เป็นการให้เกียรติความมุ่งมั่นที่มีต่อประชาธิปไตยของเรา เป็นการตอกย้ำว่าเสรีภาพของไต้หวันและประชาธิปไตยทั้งหมดจะต้องได้รับการเคารพ










