วัคซีนของไฟเซอร์-ไบออนเทคมีประสิทธิภาพในการป้องกันโควิด-19 สูงกว่า 90% ในการสรุปผลเบื้องต้น พร้อมทำการทดสอบต่อเนื่อง คาดผลิตได้ 50 ล้านโดสภายในสิ้นปี
วันที่ 9 พ.ย. 2563 เว็บไซต์ของ ไฟเซอร์ (Pfizer) บริษัทยาชื่อดังของสหรัฐฯ รายงานว่าได้รับผลการทดสอบเบื้องต้นในเฟส 3 ของตัวอย่างวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่บริษัทร่วมมือกับ ไบออนเทค (BioNTech) บริษัทด้านเทคโนโลยีชีวภาพจากเยอรมนี โดยมีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อได้กว่า 90% และยังไม่พบผลข้างเคียงที่อันตรายใดๆ
ผลทดสอบที่ออกมาในวันนี้นับเป็นครั้งแรกที่บริษัทได้แสดงผลการทดสอบในเฟสที่ 3 ออกมา และจะนำข้อมูลนี้ไปขออนุมัติการใช้งานในกรณีฉุกเฉิน กับทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) ต่อไป
เมื่อเดือนก.ย. อูเกอร์ ซาฮิน ซีอีโอของไบออนเทคเคยประกาศไว้ว่า ทั้งสองบริษัทมีแผนที่จะยื่นขออนุมัติการผลิตวัคซีนในช่วงกลางเดือนต.ค. – ต้นเดือนพ.ย. โดยความล่าช้าที่เกิดขึ้นเล็กน้อยนี้เป็นผลมาจากการที่เหล่าอาสาสมัครมีผู้ป่วยจากโรคโควิด-19 ไม่เพียงพอในเดือนที่แล้ว จึงทำให้ไม่สามารถทำการประเมินผลได้
การทดสอบเฟส 3 ของตัวอย่างวัคซีนตัวนี้เริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 27 ก.ค. ที่ผ่านมา ใช้กลุ่มตัวอย่าง 43,538 คนเข้ารับการทดสอบ ครึ่งหนึ่งจะได้รับตัวอย่างวัคซีน 2 โดส ขณะที่อีกครึ่งหนึ่งจะได้รับยาหลอก (Placebo) และรอให้มีผู้ได้รับเชื้ออย่างน้อย 32 ราย หาก 26 รายในนั้นเป็นกลุ่มที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน จะถือว่าวัคซีนใช้ได้ผล
รายงานที่เผยแพร่ล่าสุดระบุว่า พวกเขาวิเคราะห์ข้อมูลจากอาสาสมัคร 94 คนที่ติดเชื้อ แต่ไม่ได้บอกชัดเจนว่าในกลุ่มนี้มีกี่คนที่ได้ฉีดตัวอย่างวัคซีนเข้าไป เราทราบเพียงตัวเลขที่ยืนยันว่ามีประสิทธิภาพมากกว่า 90% ในผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 แล้วตั้งแต่ 7 วันขึ้นไป
การทดสอบของวัคซีนตัวนี้จะยังคงดำเนินต่อไป จนกว่าจะมีจำนวนผู้ติดเชื้อ 164 คน เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์อีกครั้งในขั้นตอนสุดท้าย
ทางบริษัทคาดการณ์ว่าจะสามารถผลิตวัคซีนโควิด-19 สำหรับใช้งานทั่วโลกได้มากที่สุดถึง 50 ล้านโดสภายในสิ้นปีนี้ และตั้งเป้าผลิตให้ได้ถึง 1,300 ล้านโดสในปีหน้า










