‘แยกบัญชีจิตวิทยา’ เก็บเงินให้อยู่ด้วยหลักคิด ที่สมองไม่ต่อต้าน

‘แยกบัญชีจิตวิทยา’ เก็บเงินให้อยู่ด้วยหลักคิด ที่สมองไม่ต่อต้าน

Personal Finance

เวลาเราพูดถึงคำว่า ‘จิตวิทยา’ หลายคนอาจนึกถึงเรื่องความสัมพันธ์ การเข้าใจคน หรือการควบคุมอารมณ์ แต่ในความจริงจิตวิทยายังแทรกอยู่ในทุกพฤติกรรมของชีวิต รวมถึงวิธีที่เราใช้เงินด้วย

บางคนรู้ทุกสูตรออมเงิน รู้ว่าต้องหักก่อนใช้ ลงทุนระยะยาว แต่สุดท้ายกลับเก็บไม่อยู่ ทั้งที่รายได้ก็ไม่ได้แย่ เพราะสิ่งที่ขาดไม่ใช่ความรู้เรื่องการเงินแต่อาจเป็นความเข้าใจเรื่อง ‘จิตวิทยาของตัวเอง’ หนึ่งในแนวคิดที่กำลังได้รับความสนใจมากขึ้นในหมู่คนรุ่นใหม่ คือ แยกบัญชีจิตวิทยา (Psychological Banking)

เทคนิคเก็บเงินที่ไม่ได้เน้นการบังคับใจ แต่ใช้หลักจิตวิทยาเข้ามาช่วยออกแบบระบบ เพื่อให้สมองรู้สึกว่า ‘ไม่ต้องฝืน’ และเงินก็อยู่กับเราได้นานขึ้นแบบไม่รู้ตัว

[ สมองไม่ได้ออกแบบมาให้เก็บเงิน ]

มนุษย์ส่วนใหญ่ไม่ได้แพ้เรื่องวินัย แต่แพ้เรื่อง ‘แรงจูงใจ’ เพราะสมองของเราถูกออกแบบมาให้เลือกสิ่งที่สบายตอนนี้ มากกว่าสิ่งที่ดีในระยะยาว หรือที่นักเศรษฐศาสตร์พฤติกรรมเรียกว่า Present Bias

นั่นหมายความว่า พอเงินเดือนเข้า สมองจะตีความทันทีว่า ใช้ได้เลย โดยไม่แยกว่าอันไหนคือเงินเก็บ อันไหนคือค่าจำเป็น การมี ‘บัญชีเดียว’ จึงกลายเป็นกับดักเพราะทุกบาทในนั้นเหมือนพร้อมใช้ทั้งหมด

ตรงกันข้าม หากเราแยกบัญชีออกเป็นหลายก้อน สมองจะมองเงินแต่ละบัญชีเป็น ‘หมวดเฉพาะ’ และจะลังเลมากขึ้นเวลาจะใช้เงินจากก้อนที่ถูกตั้งชื่อว่า ‘เงินเก็บเพื่ออนาคต’ นี่คือการ หลอกสมองอย่างฉลาด 

[ หลักจิตวิทยาที่ซ่อนอยู่ในการเก็บเงิน ]

1.Loss Aversion – สมองกลัวการสูญเสียมากกว่าชอบการได้มาแค่ตั้งชื่อบัญชีให้มีความหมาย เช่น เงินบ้านแม่ หรือ เงินแต่งงาน สมองจะรู้สึกว่าถ้าใช้เงินก้อนนั้น เท่ากับเสียของสำคัญไป ทำให้เราระวังโดยไม่ต้องใช้คำว่าฝืนใ

2.Mental Accounting – สมองชอบแยกเงินเป็นช่อง แม้จะมีเงินก้อนเดียว แต่มนุษย์มีแนวโน้มจัดหมวดหมู่ในใจ เช่น เงินกินข้าว เงินเที่ยว เงินลงทุน  การแยกบัญชีจริงๆ จึงเป็นการสนับสนุนพฤติกรรมธรรมชาตินี้ให้ชัดขึ้น และควบคุมได้ง่ายกว่า

3.Goal Gradient Effect – เห็นเป้าหมายใกล้ ยิ่งอยากเดินต่อ บัญชีแยกทำให้เห็นพัฒนาการ เช่น บัญชี ทริปญี่ปุ่น จาก 5,000 เป็น 15,000 บาท ความรู้สึกภูมิใจเล็กๆ แบบนี้กระตุ้นให้เราอยากเติมต่อไปเรื่อย

[ ไม่ใข่แค่แยกเงิน แค่คือการแยกอารมณ์-แรงจูงใจ ]

ให้เริ่มจาก 3–5 บัญชีพอ เพื่อไม่ให้รู้สึกซับซ้อนเกินไป เช่น

1.บัญชีรายรับหลัก – เงินเดือนเข้าที่นี่ แล้วโอนไปบัญชีอื่น

2.บัญชีค่าใช้จ่ายประจำ – สำหรับค่าบ้าน ค่าน้ำไฟ ค่าร

3.บัญชีเงินเก็บระยะยาว – เป้าหมายใหญ่ เช่น เงินเกษียณ หรือเงินสำรองฉุกเฉิน

4.บัญชีความสุข – สำหรับกิน เที่ยว ซื้อของ ไม่ต้องรู้สึกผิ

5.บัญชีเป้าหมายเฉพาะ – เช่น เที่ยวญี่ปุ่นกับแม่ หรือ ซื้อ iPad เรียนงาน

เทคนิคแยกบัญชีอาจดูธรรมดา แต่เมื่อมองผ่านเลนส์จิตวิทยา จะเห็นว่านี่คือการออกแบบพฤติกรรมไม่ใช่แค่แยกเงิน แต่คือการแยก ‘อารมณ์’ และ ‘แรงจูงใจ’ ของเราออกจากกัน

สุดท้าย การออมไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าใครมีรายได้เยอะกว่าแต่อยู่ที่ใครเข้าใจสมองตัวเองมากกว่า เพราะถ้าเราออกแบบระบบที่สมองไม่ต่อต้าน ใจไม่รู้สึกฝืน การเก็บเงินจะกลายเป็นเรื่องง่ายและยั่งยืนแค่เปลี่ยนจาก พยายามบังคับตัวเองมาเป็นออกแบบระบบให้สมองทำงานแทน ก็จะพบว่า ‘จิตวิทยา’ ไม่ได้มีไว้แค่เข้าใจคนอื่น  แต่มันช่วยให้เข้าใจ ‘กระเป๋าเงิน’ ของเราด้วยเช่นกัน

แท็กที่เกี่ยวข้อง
ManassaweeWriterManassawee
นักข่าวการเงิน ที่มีความสนใจเรื่องการลงทุนและการตลาด อยากสื่อสารให้ทุกเรื่องการเงินเป็นเรื่องง่ายสำหรับทุกคน

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง