
ระหว่างที่อ่าน เซเปียนส์ ประวัติย่อมนุษยชาติ ทำให้ผู้เขียนนึกถึงคำกล่าวที่ว่า “จินตนาการสำคัญกว่าความรู้” ของ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ไม่ใช่เพราะเห็นด้วยกับคำกล่าวนี้แบบเต็มร้อยหรอกนะ แต่เห็นด้วยในแง่ที่ว่า “จินตนาการ” เป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ และคุณสมบัติด้านนี้แหละ ที่อาจเป็นจุดเริ่มต้นผลักดันให้เหล่าเซเปียนส์ครอบครองโลกใบนี้ได้ในที่สุด
เซเปียนส์ ประวัติย่อมนุษยชาติ หรือ Sapiens : A Brief History of Humankind เป็นผลงานของ ยูวัล โนอาห์ แฮรารี นักวิชาการชาวอิสราเอล ตีพิมพ์ครั้งแรกเป็นภาษาฮีบรู ในปี ค.ศ. 2010 (พ.ศ. 2553) ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจนมีการพิมพ์ออกมาเป็นภาษาอังกฤษ และภาษาอื่นกว่า 50 ภาษา กลายเป็นหนังสือที่โด่งดังระดับโลก มียอดจำหน่ายถล่มทลายกว่า 5 ล้านเล่ม เวอร์ชั่นภาษาไทย สำนักพิมพ์ยิปซี จัดพิมพ์ แปลโดย ดร.นำชัย ชีววิวรรธน์
แม้จะมีความหนากว่า 600 หน้า แต่ด้วยข้อมูลที่แน่นปึกและชั้นเชิงการเล่าเรื่องที่แพรวพราว มีลูกล่อลูกชน อีกทั้งยังกระตุ้นให้ขบคิด ทำให้เซเปียนส์กลายเป็นหนังสือประวัติศาสตร์เชิงวิเคราะห์ ที่อ่านสนุกในระดับแทบวางไม่ลง

เซเปียนส์ เป็นชื่อของสปีชีหนึ่งของสกุล โฮโม (มนุษย์) ซึ่งในอดีตอันไกลโพ้น มนุษย์มีอยู่มากมายหลายสปีชี อาทิเช่น นีแอนเดอร์ธัลเลนซิส , อีเร็กตัส และ โซโลเอนซิส ฯลฯ ในเวลานั้นเซเปียนส์ก็ไม่ได้เก่งกาจเหนือสปีชี่อื่นๆ ออกจะเป็นรองบางสปีชีอย่าง นีแอนเดอร์ธัลเลนซิส ด้วยซ้ำ
แต่ “การปฏิวัติการรับรู้” ที่เกิดขึ้นเมื่อ 70,000 ปีก่อน ได้เป็นจุดเริ่มต้นครั้งสำคัญ ที่ทำให้เหล่าเซเปียนส์ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดในฐานะผู้ล่าในห่วงโซ่อาหาร และครองโลกมาจนถึงทุกวันนี้
แฮรารีอธิบายว่า การปฏิวัติการรับรู้ สืบเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมของเซเปียนส์ ที่ส่งผลให้เกิดการจัดเรียงตัวในระบบประสาท จึงก่อให้เกิดความสามารถด้านการสื่อสารที่สำคัญ ได้แก่
1. ความสามารถในการถ่ายทอดข้อมูลจำนวนมากเกี่ยวกับโลกรอบตัว ส่งผลให้เกิดการดำเนินการอย่างซับซ้อน การวางแผน การหลีกเลี่ยงภยันอันตรายต่างๆ
2. ความสามารถในการถ่ายทอดข้อมูลจำนวนมาก เกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางสังคม ส่งผลให้เกิดความร่วมมืออย่างเหนียวแน่นภายในกลุ่มขนาดใหญ่
3. ความสามารถในการถ่ายทอดข้อมูลที่ไม่มีอยู่จริง (แฮรารีว่าอย่างนั้น) เช่น วิญญาณ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ผ่านเรื่องเล่า ตำนาน นิทาน ที่หลอมรวมเซเปียนส์จำนวนมหาศาลให้มีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ด้วยความเชื่อ ความศรัทธา ก่อให้เกิดความร่วมแรงร่วมใจที่ทรงพลัง และมีอานุภาพยิ่ง
ซึ่งความสามารถในข้อ 3 นี่แหละ ในการถ่ายทอดและชักจูงให้เซเปียส์จำนวนมาก เชื่อในสิ่งที่ไม่มีตัวตน สิ่งที่มองไม่เห็น หรือที่แฮรารีกล่าวว่า ไม่มีอยู่จริง เป็นสิ่งที่เกิดจากจินตนาการ ก็เอื้ออำนวยให้เซเปียนส์สร้างกฎ กติกา ระบบ แบบแผนต่างๆ ขึ้นมาได้
และแม้การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ไม่ได้ทำให้เซเปียนส์แข็งแกร่งกว่าสปีชีอื่นๆ ว่ากันว่า หากเซเปียนส์มีเรื่องชกต่อยกับนีแอนเดอร์ธัลเลนซิส เซเปียนส์จะพ่ายแพ้อย่างราบคาบ แต่ถ้าหากยกพวกตีกัน แอนเดอร์ธัลเลนซิสก็ยากที่จะเอาชนะได้ อันเนื่องมาจากเซเปียนส์มีการจัดการภายในกลุ่มที่มีประสิทธิภาพมากกว่า
อธิบายให้เห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน ยกตัวอย่างเช่น การล่าสัตว์ เดิมที่มนุษย์ทุกสปีชี รวมถึงเซเปียนส์จะออกล่าสัตว์เพียงลำพัง หรือกลุ่มเล็กๆ แต่หลังจากการปฏิวัติการรับรู้ วิธีการล่าสัตว์ของเซเปียนส์ก็เปลี่ยนไป โดยจะอาศัยความร่วมมือของคนจำนวนมากหลายสิบคนเพื่อล่าสัตว์ฝูงใหญ่ อาทิการล่าฝูงม้าป่า ด้วยการต้อนพวกมันเข้าไปในช่องเขาแคบๆ ก่อนฆ่ายกฝูง
และหากมีสงครามระหว่างสปีชีเกิดขึ้น ถ้าเซเปียนส์นำวิธีการเดียวกันที่ใช้กับฝูงม้าป่า มาประยุกต์ใช้กับนีแอนเดอร์ธัลเลนซิส หรือมนุษย์ในสปีชีอื่นล่ะ อะไรจะเกิดขึ้น ?
ซึ่งนี่ก็เป็นอีกหนึ่งสมมติฐานที่ว่า การสูญพันธุ์ของมนุษย์สปีชีอื่นๆ นั้น อาจเกิดขึ้นจากน้ำมือของเซเปียนส์นี่แหละ

ยูวัล โนอาห์ แฮรารี ภาพจาก www.ted.com
และถึงแม้เซเปียนส์ครอบครองโลกได้อย่างเบ็ดเสร็จ ไม่มีสัตว์ชนิดใด หรือมนุษย์สปีชีไหนมาต่อกรได้ แต่ก็ต้องใช้เวลาอีกหลายหมื่นปี หรือเมื่อประมาณ 500 ปีที่ผ่านมานี้เอง จึงสามารถสร้างเทคโนโลยีด้วยวิทยาการต่างๆ จนทำให้เกิดการพัฒนาในระดับโบยบินบนฟากฟ้า ออกไปสำรวจอวกาศ เพื่อไขปริศนาความลับของจักรวาล
โดยในบทความต่อไป ผู้เขียนจะเล่าถึงก้าวย่างที่สำคัญนี้ รวมถึงเรื่องราวของมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ ที่อาจเป็นภัยคุกคามต่อเซเปียนส์ ซึ่งเกิดจากน้ำมือของเซเปียนส์เช่นกัน
ขอบคุณ บริษัท ยิปซี กรุ๊ป จำกัด









