หยุดยิงไม่มีอยู่จริง? เบื้องหลังเจรจาฮามาส-อิสราเอล ที่จบด้วยข้อตกลงล่องหน

หยุดยิงไม่มีอยู่จริง? เบื้องหลังเจรจาฮามาส-อิสราเอล ที่จบด้วยข้อตกลงล่องหน

เบื้องลึกเบื้องหลังข้อตกลงหยุดยิงล่องหน ‘ฮามาส-อิสราเอล’ อาจมีอะไรมากกว่าที่คิด!

 

ไม่กี่ชั่วโมงหลังมีข่าวว่า ‘ฮามาสตอบรับข้อเสนอหยุดยิง’ ของสหรัฐฯ อียิปต์ และกาตาร์ ที่มาพร้อมเงื่อนไขการปล่อยตัวประกันชาวอิสราเอล แลกกับการยุติสู้รบชั่วคราว และถอนกำลังบางส่วนออกจากฉนวนกาซา แต่เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอลออกมา ‘เท’ ข้อเสนอแบบไม่มีเยื่อใย

เขาปฏิเสธทันทีว่า “ไม่มีข้อตกลงใดที่อิสราเอลยอมรับ” พร้อมย้ำว่า ปฏิบัติการทางทหารในเมืองราฟาห์จะดำเนินต่อไป “อย่างเต็มกำลัง”

การเปิดเผยของทั้งสองฝ่ายที่ขัดแย้งกันอย่างสุดขั้ว สร้างความงุนงงสงสัยเป็นอย่างมาก ว่าข้อเท็จจริงในเวลานี้เป็นอย่างไรกันแน่ ในเมื่อฮามาสบอกว่าตอบรับข้อเสนอที่มีอยู่จริง แต่ฝ่ายอิสราเอลยืนยันว่าไม่มีข้อตกลงใดที่พวกเขาเห็นด้วย

คำถามสำคัญตามมาคือ “สรุปแล้วข้อตกลงหยุดยิงนั้นมีอยู่จริงหรือไม่? หรือทั้งหมดนี้เป็นเพียงภาพลวงตาทางการทูตที่ไม่มีใครตั้งใจจะให้เกิดขึ้นจริง?”

 

ข้อเสนอที่ทุกฝ่ายพูดถึง แต่ไม่มีใครพูดตรงกันเลย

ความสับสนงงงวยเกิดขึ้นหลังจากที่ฮามาสออกมาประกาศว่าได้ ‘ตอบรับ’ ข้อเสนอหยุดยิงที่ส่งผ่านคนกลางจากกาตาร์และอียิปต์แล้ว โดยรายละเอียดในข้อเสนอดังกล่าวระบุว่า อิสราเอลจะหยุดยิงเป็นเวลา 70 วัน ปล่อยตัวนักโทษชาวปาเลสไตน์หลายร้อยคน แลกกับการปล่อยตัวประกันชาวอิสราเอล 10 คน และการถอนกำลังบางส่วนออกจากฉนวนกาซา

แต่แล้วไม่กี่ชั่วโมงให้หลัง สตีฟ วิตคอฟฟ์ ผู้แทนพิเศษของสหรัฐฯ กลับออกมาปฏิเสธว่า ข้อเสนอที่ฮามาสอ้างถึง “ไม่ใช่ข้อเสนอที่สหรัฐฯ เสนอ” และระบุด้วยว่า ข้อเสนอของเขาไม่เคยรวมเงื่อนไขเหล่านั้นทั้งหมด เพราะในการเจรจาที่ผ่านมา ฮามาสยังคงยืนยันเงื่อนไขหลายข้อที่ “ไม่สามารถยอมรับได้อย่างสิ้นเชิง” เช่นเดียวกับฝั่งอิสราเอลที่ยืนยันชัดว่า “ข้อเสนอฉบับนั้น” ไม่มีทางที่รัฐบาลเนทันยาฮูจะยอมรับได้

สหรัฐฯ จึงยังคงรักษาบทบาทตัวกลางไว้ด้วยถ้อยคำคลุมเครือ โดยกล่าวเพียงว่า “ข้อเสนอหยุดยิงอยู่ในมือของทุกฝ่ายแล้ว” โดยไม่ยืนยันว่าเอกสารใดคือฉบับสุดท้ายที่ตกลงกันจริง ทำให้สถานการณ์การเจรจาดูเหมือนมีความคืบหน้า ทั้งที่แท้จริงแล้วอาจไม่มีแม้แต่ข้อเสนอฉบับเดียวที่ทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกัน กลายเป็นข้อเสนอที่ “ทุกคนพูดถึง” แต่ “ไม่มีใครพูดถึงสิ่งเดียวกันเลย” และยังไม่มีคำว่า ‘ยอมรับ’ ที่ตรงกันในทางปฏิบัติ

 

เป้าหมาย ‘ฮามาส-อิสราเอล’ ไม่เคยบรรจบ

ปัญหาใหญ่ของการเจรจาในรอบนี้ไม่ใช่แค่ความคลุมเครือของข้อเสนอ แต่คือความจริงที่ว่า แม้ทั้งสองฝ่ายจะใช้คำว่า ‘หยุดยิง’ ในข้อเสนอของตน แต่ความหมายและเป้าหมายที่แต่ละฝ่ายต้องการนั้น แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

สำหรับฮามาส เป้าหมายหลักของพวกเขาคือการยุติปฏิบัติการทางทหารในทันที  เพื่อยับยั้งหายนะในฉนวนกาซาที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วนับหมื่นคน และเพื่อปกป้องสิ่งที่ยังเหลืออยู่จากโครงสร้างองค์กร รวมถึงรักษาการสนับสนุนจากประชาชนกาซาที่กำลังเผชิญทั้งความหิวโหยและการพลัดถิ่น ข้อตกลงหยุดยิงจึงถูกมองว่าเป็นเครื่องมือทางยุทธศาสตร์เพื่อความ ‘อยู่รอด’ มากกว่าจะเป็นการยุติสงครามโดยสมบูรณ์

แน่นอนว่า อาวุธสำคัญที่ฮามาสมองมีอยู่ในมือคือ ‘ตัวประกัน’ ที่พวกเขาใช้เป็นกลไกต่อรองสำคัญ  เท่ากับว่า ยิ่งเวลาผ่านไปโดยยังมีตัวประกันอยู่ ฮามาสก็ยังสามารถ ‘กำหนดเกม’ ได้ในบางระดับ ไม่ว่าจะเป็นการผลักดันให้เกิดแรงกดดันจากนานาชาติ หรือใช้ในการต่อรองเพื่อแลกกับนักโทษชาวปาเลสไตน์จำนวนมากในเรือนจำอิสราเอล

ในทางตรงกันข้าม เป้าหมายอิสราเอล โดยเฉพาะรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู คือ ‘ชัยชนะเด็ดขาด’ พวกเขาจึงมองว่า  การเจรจาหยุดยิงก่อนจะ “กำจัดฮามาสได้ทั้งหมด” คือความพ่ายแพ้ทางยุทธศาสตร์ ทั้งยังเป็นการเสี่ยงปล่อยให้ฮามาสฟื้นตัวแล้วกลับมาเป็นภัยคุกคามในอนาคต

โดยเป้าหมายสำคัญของอิสราเอลอยู่ที่เมืองราฟาห์ ที่พวกเขาเชื่อว่าเป็นฐานที่มั่นสุดท้ายของฮามาส ดังนั้น เนทันยาฮูจึงประกาศชัดเจนว่า จะไม่ยอมยุติปฏิบัติการในเมืองราฟาห์ จนกว่าจะทำลายเครือข่ายหลักของฮามาสให้หมดสิ้น พร้อมทั้งเงื่อนไขที่ว่า ฮามาสต้อง “ยอมจำนนแบบไม่มีเงื่อนไข” เท่านั้น จึงจะมีการพูดคุยถึงข้อตกลงถาวรในอนาคต

เป้าหมายที่ไม่เคยบรรจบกันนี้เอง ทำให้แม้จะมีข้อเสนอวางอยู่ตรงหน้า แต่การเจรจาทุกครั้งกลับเป็นได้เพียงแค่ ‘เครื่องมือ’ ยืดเวลาการปฏิบัติการ ไม่ใช่เส้นทางสู่สันติภาพอย่างแท้จริง

 

ข้อตกลงหยุดยิงจะเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่?

ด้วยเหตุผลข้างต้น ทำให้ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา แม้จะมีข่าวว่า ‘ใกล้บรรลุข้อตกลง’ ปรากฏให้เห็น แต่ยังคงมีคำถามตามมาทุกครั้งว่า “ข้อตกลงหยุดยิง มีโอกาสเกิดขึ้นได้จริงแค่ไหน?”

หากจะพูดกันตรงๆ คำตอบของคำถามนี้  อาจต้องขึ้นอยู่กับว่า เรากำลังพูดถึง ‘ข้อตกลงหยุดยิงแบบไหน’ ถ้าหมายถึงข้อตกลงชั่วคราวที่จำกัดกรอบเวลา เช่น การหยุดยิง 6–10 สัปดาห์ เพื่อแลกกับการปล่อยตัวประกันบางส่วนและการบรรเทาวิกฤตมนุษยธรรมในฉนวนกาซา ข้อตกลงเช่นนี้ยังคง ‘มีโอกาสเกิดขึ้น’ อย่างที่เคยมีมาแล้วในช่วงปลายปี 2023 และต้นปี 2025

แต่หากหมายถึง ‘ข้อตกลงหยุดยิงถาวร’ หรือการยุติสงครามอย่างแท้จริง โอกาสที่ข้อตกลงลักษณะนี้จะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ คงต้องบอกว่าน้อยมาก

นั่นเพราะปัจจัยหลักที่ผลักดันให้ทุกฝ่ายยังเดินหน้าอยู่ ไม่ใช่การสร้างสันติภาพ แต่คือการบรรลุเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ของแต่ละฝ่าย ซึ่งยังสวนทางกันโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีปัจจัยเสริมอีกหลายประการที่ทำให้ข้อตกลง ‘เกิดได้ยาก”

ผลลัพธ์คือ การเจรจาจึงยังวนอยู่ใน “วังวนเดิม” คือ แต่ละฝ่ายพูดถึงข้อเสนอคนละฉบับ ตีความคำว่า “ตอบรับ” คนละแบบ และไม่ยอมขยับจนกว่าอีกฝ่ายจะยอมก่อน

อย่างไรก็ตาม คงไม่อาจบอกได้ว่า ข้อตกลงจะไม่มีวันเกิดขึ้นได้ เพียงแต่อาจจะต้องอาศัยแรงกระเพื่อมใหญ่ ที่จะมาเปลี่ยนสมการ เช่น แรงกดดันจากสังคมอิสราเอลกรณีตัวประกัน, เหตุโจมตีข้ามแดนที่เกินขีดควบคุม, หรือความเคลื่อนไหวทางการเมืองในระดับนานาชาติที่ทำให้ทุกฝ่ายไม่มีทางเลือกอื่น

 

PattananWriterPattanan

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง