รีเซ็ทพอร์ตใหม่ หุ้น-ตราสารหนี้-ทอง รับเทรนด์ดอกเบี้ยขาลง

รีเซ็ทพอร์ตใหม่ หุ้น-ตราสารหนี้-ทอง รับเทรนด์ดอกเบี้ยขาลง

การเงิน

ตลอดช่วงที่ผ่านมา นักลงทุนทั่วโลกจับตาการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อย่างใกล้ชิด หลังจากตรึงดอกเบี้ยระดับสูงนานเกินกว่าที่ใครหลายคนคาดไว้

เพราะการกดเบรกเศรษฐกิจด้วยดอกเบี้ยสูงเพื่อสกัดเงินเฟ้อทำให้ตลาดค่อนข้างอึดอัด แต่วันนี้เริ่มเห็นสัญญาณผ่อนคลายชัดเจนขึ้น

SCB CIO มองว่าเฟดกำลังเดินหน้าลดดอกเบี้ยอีกครั้ง และนี่อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญต่อทั้งตลาดหุ้น ตราสารหนี้ และค่าเงินทั่วโลก

[ หุ้นสหรัฐฯ ยังเป็นพระเอก ]

‘ศรชัย สุเนต์ตา’ CFA รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Wealth & Investment Product ธนาคารไทยพาณิชย์ เล่าว่า SCB CIO ได้หารือกับ BlackRock ผู้จัดการกองทุนระดับโลก และมีมุมมองสอดคล้องกันว่า เฟดมีแนวโน้มปรับลดดอกเบี้ยอีก 0.50% ภายในปีนี้ ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยสิ้นปีอาจอยู่ในกรอบ 3.50–3.75% ปัจจัยหนุนสำคัญคือภาวะตลาดแรงงานที่อ่อนแอ

จากข้อมูลในอดีต เมื่อเฟดกลับมาลดดอกเบี้ยหลังหยุดพัก (pause) มักเป็นสัญญาณบวกต่อตลาดหุ้น โดยเฉพาะดัชนีสหรัฐฯ ซึ่งให้ผลตอบแทนเฉลี่ยมากกว่า 20% ในหนึ่งปีถัดไป ทำให้แนะนำให้นักลงทุนยังคงถือหุ้นสหรัฐฯ เป็น ‘พอร์ตหลัก’ โดยเน้นไปที่บริษัทที่ได้อานิสงส์จากเทรนด์ AI และการเติบโตของกำไรต่อหุ้น (EPS) ที่แข็งแกร่ง

[ ตลาดตราสารหนี้ เลือกระยะสั้น ]

แม้ดอกเบี้ยขาลงเป็นสัญญาณบวก แต่ตลาดตราสารหนี้ยังมีความท้าทาย เนื่องจากความกังวลด้านหนี้สาธารณะสหรัฐฯ ที่สูง รวมถึงความเสี่ยงเงินเฟ้อจากภาษีและตลาดแรงงาน อาจทำให้พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ (UST) ระยะยาวต้องให้ผลตอบแทนสูงขึ้นเพื่อชดเชยความเสี่ยง (term premium)

ดังนั้น SCB CIO แนะนำให้ลงทุนในพันธบัตรสหรัฐฯ และหุ้นกู้ Investment Grade (IG) ของสหรัฐฯ ที่มี duration สั้น เพื่อลดผลกระทบจากความผันผวน ขณะเดียวกันยังช่วยสร้างกระแสเงินสดที่มั่นคงให้กับพอร์ตการลงทุน

[ ดอลลาร์อ่อนค่า หนุน EM Asia โดดเด่น ]

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีแนวโน้มอ่อนค่าจากหลายปัจจัย ทั้งการลดดอกเบี้ยของเฟด การชะลอตัวทางเศรษฐกิจในสหรัฐฯ รวมถึงความกังวลเรื่องหนี้สาธารณะและเสถียรภาพทางการคลัง ภาวะดอลลาร์อ่อนค่านี้ถือเป็นแรงหนุนสำคัญต่อตลาดหุ้นเกิดใหม่ในเอเชีย (EM Asia) เพราะช่วยดึงดูดเงินทุนไหลเข้า เพิ่มสภาพคล่อง และลดต้นทุนหนี้สกุลดอลลาร์ของบริษัทจดทะเบียน

SCB CIO ประเมินว่า EPS ของหุ้นกลุ่ม EM Asia จะยังเติบโตต่อเนื่องทั้งปีนี้และปีหน้า โดยประเทศที่น่าสนใจ ได้แก่ จีน อินเดีย และไทย ซึ่งล้วนมีนโยบายสนับสนุนเศรษฐกิจเพิ่มเติม

[ จีนนโยบาย AI+ และการปฏิรูปโครงสร้าง ]

สำหรับจีน SCB CIO ชี้ว่า ตลาดหุ้น All-Share น่าลงทุนในระยะกลาง–ยาว จากนโยบาย “anti-involution” ที่เน้นลดการแข่งขันที่ไม่สร้างมูลค่า ลดกำลังการผลิตส่วนเกิน และผลักดันให้บริษัทมีประสิทธิภาพสูงขึ้น พร้อมกันนี้ รัฐบาลจีนยังเดินหน้าแผน “AI+” ตั้งเป้าให้อุปกรณ์อัจฉริยะกว่า 70% ใช้เทคโนโลยี AI ภายในปี 2570 อีกทั้งยังตั้งกองทุน Big Fund III มูลค่า 344,000 ล้านหยวน เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และ AI

ในมุมมองการลงทุน SCB CIO แนะนำ ตลาดหุ้นจีน All-Share สำหรับพอร์ตหลัก ส่วนผู้ที่รับความเสี่ยงได้มากขึ้นสามารถเสริมพอร์ตด้วยการลงทุนใน A-Shares ระยะสั้นได้เช่นกัน

[ อินเดียศักยภาพเติบโตระยะยาว ]

ตลาดหุ้นอินเดียแม้มีความผันผวนระยะสั้นจากข้อพิพาททางการค้ากับสหรัฐฯ แต่ยังได้รับแรงหนุนจากการคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการปรับโครงสร้างภาษีสินค้าและบริการ (GST) ที่ช่วยเพิ่มการบริโภคภายในประเทศ ทั้ง SCB CIO และ BlackRock จึงยังคงมุมมองบวกต่อตลาดหุ้นอินเดียในฐานะพอร์ตลงทุนระยะยาว

[ ไทยได้แรงหนุนจากการเมืองและดอกเบี้ยขาลง ]

สำหรับตลาดหุ้นไทย SCB CIO มองว่าอาจปรับตัวขึ้นได้ในระยะสั้น จากความชัดเจนทางการเมืองที่ช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นของนักลงทุน อีกทั้งยังมีโอกาสที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ในไตรมาส 4 ซึ่งจะเป็นแรงสนับสนุนเพิ่มเติม

[ ทองคำสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยง ]

ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์สำคัญในพอร์ตหลัก เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากดอกเบี้ยขาลง ความไม่แน่นอนด้านภูมิรัฐศาสตร์ และการเข้าซื้อของกองทุน Gold ETF รวมถึงธนาคารกลางทั่วโลกที่หันมาถือทองคำแทนพันธบัตรสหรัฐฯ มากที่สุดในรอบ 30 ปี SCB CIO จึงแนะนำให้นักลงทุนจัดสรรทองคำไว้เพื่อป้องกันความเสี่ยง

[ กลยุทธ์จัดพอร์ตสมดุล ]

ทาง SCB CIO เสนอการจัดพอร์ตลงทุนแบบ 2 ระดับ ได้แก่

พอร์ตหลัก (ระยะยาว) :  เน้นพันธบัตรและหุ้นกู้ IG สหรัฐฯ duration สั้น ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และ EM Asia (จีน–อินเดีย) พร้อมเสริมทองคำเป็นตัวกันความเสี่ยง

พอร์ตเสริม (ระยะสั้น) : เลือกลงทุนในตลาดหุ้นจีน A-Shares ดัชนี Nasdaq 100 และหุ้นเทคโนโลยีโลก โดยเฉพาะกลุ่ม AI

สำหรับการลดดอกเบี้ยของเฟดอาจเป็นเหมือนการ ‘รีสตาร์ท’ ให้ตลาดกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง สิ่งสำคัญคือการกระจายพอร์ตให้สมดุล ไม่ทุ่มไปที่สินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่งเกินไป

ManassaweeWriterManassawee
นักข่าวการเงิน ที่มีความสนใจเรื่องการลงทุนและการตลาด อยากสื่อสารให้ทุกเรื่องการเงินเป็นเรื่องง่ายสำหรับทุกคน

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง