โควิด-19 เปลี่ยนวิธีคิดของคนในแง่สุขอนามัย โดยเฉพาะลดการสัมผัสกับสิ่งต่างๆ ส่งผลให้ธุรกิจแนวไฮยีนมีบทบาทมากขึ้น และห้องน้ำก็เป็นพื้นที่อันดับต้นๆ ที่คนคิดจะเปลี่ยนเพื่อเพิ่มสุขภาวะที่ดี เพิ่มประสบการณ์ที่ดีเวลาใช้งาน
และถ้าใครเคยเข้าห้องน้ำตามห้างบางแห่ง หรือห้องน้ำในประเทศญี่ปุ่น ก็คงจะคุ้นเคยกับระบบใช้สุขภัณฑ์ ที่เราสามารถกดปุ่มทำความสะอาดและกดน้ำชักโครกได้ผ่านรีโมท
ล่าสุด SCG Decor หรือ SCGD บริษัทแกนหลักของ เอสซีจี ในการดำเนินธุรกิจตกแต่งพื้นผิวและสุขภัณฑ์ (Decor Surfaces & Bathroom) จึงพัฒนาโปรดักต์ เพื่อตอบโจทย์กลุ่มนี้
เริ่มจาก Vizio ตัวสุขภัณฑ์เปิดปิดฝาอัตโนมัติโดยที่เราไม่ต้องใช้มือจับ มีรีโมทควบคุมการใช้งาน ตั้งแต่การใช้น้ำทำความสะอาดธุระหนักเบา ระดับน้ำ เป็นต้น และยังมีระบบ“ไอออนมิส” (ION MIST+) น้ำประจุบวกที่ผ่านกระบวนการแยกประจุ และพ่นเป็นละอองน้ำภายในโถสุขภัณฑ์ เพื่อลดการสะสมของแบคทีเรีย
ก๊อกน้ำ Sensor Faucet ใช้เซนเซอร์เปิดปิดน้ำ ลดการสัมผัส

Smart Towel Dryer ราวตากผ้าที่ติดตั้งระบบเป่าผ้าแห้งไวในตัว ลดการสะสมของเชื้อราสาเหตุของกลิ่นอับในห้องน้ำ พร้อมฆ่าเชื้อด้วยแสงยูวี

Smart Mirror TV กระจกที่สามารถแสดงผลข้อมูลสุขภาพประจำวันจากเครื่องตรวจสภาพผิว และเครื่องชั่งน้ำหนักวัดมวลกล้ามเนื้อ-ไขมันได้

เป้าหมายของ SCGD คือนำสินค้ากลุ่ม Smart Bathroom ไปโตในอาเซียน เนื่องจากตลาดสุขภัณฑ์ในประเทศไทยรวมถึง Smart Bathroom มีโอกาสเติบโตอีกมาก เช่นเดียวกับตลาดในอาเซียน คาดว่าจะมีมูลค่า 78,700 ล้านบาทในปี 2569 สูงกว่าตลาดในไทยกว่า 6 เท่าตัว จึงเป็นโอกาสของ SCG Decor คว้าโอกาสในตลาดนี้
ปัจจุบัน SCGD ไม่ได้ทำธุรกิจเกี่ยวกับห้องน้ำอย่างเดียว โดยบริษัท มี 3 แกนหลักคือ ธุรกิจตกแต่งพื้นผิว (Decor Surfaces) กระเบื้องปูพื้น บุผนัง เช่น แบรนด์ COTTO, SOSUCO, CAMPANA, PRIME, PREMIER, MARIWASA, Luxurio, KIA, Impresso เป็นต้น

สองคือธุรกิจสุขภัณฑ์ เช่น แบรนด์ COTTO, SOSUCO สามคือธุรกิจอื่นๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการ ขยายตลาดในต่างประเทศแถบอาเซียนผ่านการซื้อและควบรวมกิจการ
สำหรับศักยภาพในการผลิตนั้น ทาง SCGD ได้โชว์ให้เห็นถึงในโรงงาน ว่าตอนนี้ โรงงานผลิตสุขภัณฑ์ที่สระบุรี นำระบบออโตเมชั่นเข้ามาใช้เกือบเต็มรูปแบบแล้ว
นายสิทธิชัย สุขกิจประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัทสยามซานิทารีแวร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายสุขภัณฑ์และก๊อกน้ำ COTTO เปิดเผยว่า เผยขั้นตอนที่นำระบบออโตเมชั่น แขนกลหุ่นยนต์มาใช้เช่น การขึ้นรูปหม้อน้ำสำหรับโถสุขภัณฑ์ด้วยเครื่องหล่อแรงดันสูง ที่ใช้สายพานและระบบลำเลียงอัตโนมัติ ช่วยลดความเสี่ยงจากการบาดเจ็บจากการทำงานในการเคลื่อนย้ายชิ้นงานด้วยแรงงานคน ระบบพ่นสีเคลือบอัตโนมัติด้วยหุ่นยนต์ ทำให้สีที่เรียบเนียนสม่ำเสมอได้มาตรฐานและยังช่วยลดการสัมผัส สูดดมสีของพนักงาน
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้นำเทคโนโลยีชั้นสูงอื่น ๆ มาใช้ในห้องปฏิบัติการทดสอบ เช่น เทคโนโลยีการประมวลภาพ หรือ Image Processing เพื่อเพิ่มความละเอียดแม่นยำในการตรวจสอบและวิเคราะห์คุณภาพสินค้า
อีกความเคลื่อนไหวสำคัญคือ SCGD ยื่นไฟลิ่ง เสนอขาย IPO แล้วด้วย เสนอขายไม่เกิน 444,100,000 หุ้น คิดเป็นไม่เกินร้อยละ 26.8 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ










