เปิดมุมมองและวิสัยทัศน์ เลขาธิการ ก.ล.ต. คนใหม่ ภายใต้บทบาทในการกำกับดูแลและการพัฒนาตลาดทุนและตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลไทย
‘พรอนงค์ บุษราตระกูล’ เป็นเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า ในฐานะเลขาธิการ ก.ล.ต.คนใหม่ต้องการที่จะสร้างความมั่นใจในกระบวนการทำงานหรือในสิ่งที่กำลังดำเนินการอยู่ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการพัฒนาและกำกับดูแลตลาดทุน และความตั้งใจที่จะใช้ตลาดทุนเป็นเครื่องมือเสริมสร้างการแข่งขันในระดับประเทศ รวมถึงมุ่งหวังให้ตลาดทุนเป็นกลไกหลักในการสร้างความยังยืนในระบบเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ยังมุ่งเน้นส่งเสริมให้มีผลิตภัณฑ์ทางการออมที่ครอบคลุมตามฐานความเสี่ยงในทุกช่วงอายุ การส่งเสริมให้มีทางเลือกใหม่ๆ หรือ investor choice ในการลงทุนฝานกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) นอกเหนือจากให้มีการออมเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตามทางด้านเลขาธิการก.ล.ต.เผยถึงทิศทางในอีก 4 ปีข้างหน้า ก.ล.ต.มุ่งมั่นที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับกลุ่มตลาดทุนเป็นสำคัญ ด้วยการใช้นวัตกรรมและช่องทางที่เหมาะสม พร้อมเอื้อให้ผู้ประกอบการรายย่อยเข้าสู่ตลาดทุนมากขึ้น
สำหรับกลุ่มนักลงทุนรายย่อย ทางก.ล.ต.มุ่งมั่นที่จะทำให้ทุกคนสามารถเข้าใจ และเข้าถึงด้านการลงทุนได้มากขึ้น โดยไม่จำเป็นที่จะต้องฝากเงินเท่านั้น ซึ่งพยายามให้ตอบโจทย์กับกลุ่ม Aged Society ที่มีเงินเก็บแต่ไม่รู้จะลงทุนอย่างไร
ทั้งนี้ ในส่วนของหุ้น MORE และ STARK ทางก.ล.ต.ยืนยันไม่ได้นิ่งนอนใจ และยังคงร่วมหารือกับ DSI อยู่เสมอโดยรับประเด็นและพิจารณาหาหลักฐานเพิ่ม ขยายฐานความผิดมากขึ้น และดำเนินการตามขบวนการทันทีหากมีการหารือเพิ่มเติม
ซึ่งตอนนี้กำลังอยู่ในการศึกษาหาข้อมูลขั้นตอนพิจารณามาตรการ ‘กองทุนเยียวยา’กลุ่มนักลงทุนที่ได้รับความเสียหาย และในอนาคตหากมีความคืบหน้าจะมีการแถลงร่วมกับทาง DSI เกิดขึ้น โดยพยายามที่จะดำเนินการให้เร็วที่สุด แต่จะเกิดขึ้นได้หรือไม่ได้ต้องรอผลสรุป ในแง่ขอสำนักงานก.ล.ต.คงเห็น แต่ในแง่สาธารณะอาจจะใช้เวลา
ขณะที่ในด้านสินทรัพดิจิทัล มีความตั้งใจว่าในอนาคตการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลที่เป็นประเภทเดียวกันในเรื่องของการลงทุนไม่ว่าจะเป็นหุ้น ตราสารหนี้ รวมถึงกลุ่มของ Investment Token และ Utility Token ไม่พร้อมใช้ จะมีการปรับแก้พ.ร.บ.หลักทรัพย์ให้มาอยู่ในพ.ร.บ.หลักทรัพย์เดียวกัน
ซึ่งปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการโดยจะมีการจับมือกับภาคเอกชนเพื่อหารือเรื่องนี้ และคาดว่าภายในสิ้นปีอาจจะได้เห็นความชัดเจนมากขึ้น ดังนั้นในระยะสั้นก็จะมีแผนในการปรับแก้สินทรัพดิจิทัลส่วนระยะยาวจะเป็นการปรับแก้กฏหมาย










