สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยข้อมูลการดำเนินคดีอาญาในปี 2566 อยู่ที่ 75 ราย จำนวน 171 ข้อหา คิดเป็นจำนวนเงินค่าปรับรวม 51,438,530 บาท
ซึ่งมีจำนวนลดลงจากปี 2565 ที่มีการดำเนินคดีรวม 209 ราย จำนวน 418 ข้อหา คิดเป็นเงินค่าปรับกว่า 126,557,400 บาท
ขณะที่จำนวนผู้ถูกกล่าวโทษอยู่ที่ 29 คดี ลดลงจากปี 65 ที่ 31 คดี แต่มีผู้ถูกกล่าวโทษเพิ่มขึ้นเป็น 137 ราย จากในปี 2565 ที่ 91 ราย
โดยบางเรื่องที่สำนักงาน ก.ล.ต.กล่าวโทษจะนับมากกว่า 1 คดี เนื่องจากพฤติกรรมในเรื่องนั้นเป็นการกระทำที่ผิดต่างประเภทกัน ซึ่งทำให้สามารถแยกดำเนินคดีได้
ในส่วนของการดำเนินคดีทางแพ่ง ยังมีคดีที่มีการตกลงทำบันทึกการยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่งที่ ค.ม.พ. กำหนดเท่ากันกับปี 65 ที่ 8 คดี แต่มีจำนวนผู้กระทำผิดลดลงเหลือ 22 ราย จากปีก่อนที่ 42 ราย
ขณะที่เงินค่าปรับทางแพ่งมีจำนวนสูงขึ้นอยู่ที่ 97,120,726.19 บาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 74,037,920.60 บาท
ส่วนเงินชดใช้เงินเท่าผลประโยชน์ที่ได้รับอยู่ที่ 6,467,807.96 บาท ลดลงจากปีก่อนที่ 22,148,612.01 บาท และเงินชดใช้เงินค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบก็ลดลงเหลือ 846,120.85 บาท จากปี 2565 ที่ 1,949,899.88 บาท
สำหรับเงินค่าปรับทางแพ่งและค่าชดใช้คืนผลประโยชน์ที่ได้รับจากการกระทำผิด เป็นรายได้แผ่นดินที่นำส่งต่อกระทรวงการคลังเรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ตาม ยังมีคดีทางแพ่งที่ไม่ยินยอมปฎิบัติตามมาตรการลงโทษทางเเพ่งที่ ค.ม.พ.กำหนด เพิ่มสูงขึ้นมากอยู่ที่ 22 ราย และมีจำนวนเงินที่ขอให้ศาลสั่งอยู่ที่ 93,718,859 บาท เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ที่มีเพียง 2 รายและมีจำนวนเงินอยู่ที่ 12,080,646 บาท
ทั้งนี้ จำนวนเงินที่ขอให้ศาลสั่งตามมาตรการลงโทษทางแพ่งดังกล่าว ประกอบไปด้วย ค่าปรับ ค่าเรียกคืนผลประโยชน์ และค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบ










