“แต่ก่อนชีวิตผมลำบาก แต่พอมาทำงานที่เกาหลีใต้ได้ 10 ปี วันนี้ผมมีบ้าน มีที่ดิน มีเงินเก็บและเตรียมตัวกลับไปใช้ชีวิตที่บ้าน” กง วงศ์เศรษฐ แรงงานข้ามชาติชาวกัมพูชา เล่า ในวันที่ใบอนุญาตทำงานในเกาหลีใต้กำลังจะครบกำหนด และเขาตัดสินใจเดินทางกลับกัมพูชา เพื่อไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ หลังจากอยู่ที่ประเทศเกาหลีใต้มา 10 ปี
สำหรับแรงงานข้ามชาติในเกาหลีใต้นั้น ภายใต้ระบบการจ้างงาน (Employment Permit System – EPS) ซึ่งส่วนใหญ่คือแรงงานไร้ฝีมือ (Non-Professional E-9 Visa) สามารถทำงานต่อเนื่องได้สูงสุด 4 ปี 10 เดือน
จากนั้นหากแรงงานปฏิบัติตามเงื่อนไข ตลอดระยะเวลาการทำงาน นายจ้างสามารถยื่นเรื่อง เพื่อขอให้แรงงานคนเดิมกลับเข้ามาทำงานในเกาหลีใต้ได้อีกครั้ง และสามารถอยู่ต่อสูงสุดได้อีก 4 ปี 10 เดือน
เงื่อนไขการกลับมาทำงาน ‘ขึ้นอยู่กับนายจ้าง’ เช่นนี้เอง ที่กลายเป็นช่องว่าง ทำให้เกิดเหตุการณ์ละเมิดสิทธิแรงงานข้ามชาติ ในเกาหลีใต้อยู่บ่อยครั้ง
“กว่า 74% ของแรงงานข้ามชาติภาคเกษตร อยู่ในที่พักที่ไม่ถูกสุขลักษณะ นายจ้างบางคนมีความคิดว่า ตัวเองมีสิทธิทุกอย่างในพื้นที่ฟาร์มของตัวเอง คิดว่าแรงงานข้ามชาติเป็นทรัพย์สินของตนเอง”
อิชาน คิม (ICHAN KIM) นักปกป้องสิทธิแรงงานข้ามชาติ จากองค์กรไม่แสวงหากำไร เอิร์ทเทียนสเตชั่น (EARTHIANS ‘ STATION) เล่าสิ่งที่เกิดขึ้นจริง หน้าที่หลักสำหรับ อิชาน คือการให้ความช่วยเหลือแรงงานข้ามชาติ ที่ถูกละเมิดสิทธิ และให้ที่พักอาศัยชั่วคราวกับคนที่ตกงาน
ในวันนี้ที่ประเทศเกาหลีใต้ กลายเป็นจุดหมายปลายทางของแรงงานข้ามชาติจากทั่วโลก รวมทั้งจากประเทศไทย พวกเขากำลังผลักดันสิทธิแรงงานอย่างแข็งขัน ผ่านกลไกสหภาพแรงงาน เพื่อให้ทุกคนได้รับสิทธิขั้นพื้นฐานโดยเท่าเทียม
[สิทธิขั้นพื้นฐานของแรงงานข้ามชาติในเกาหลีใต้]
“เกาหลีใต้ปลอดภัยที่เราจะออกมาประท้วง พวกเราทุกคนมีสิทธิในการชุมนุม” ณ ย่านใจกลางเมืองโซล ในช่วงบ่ายวันอาทิตย์ กลุ่มแรงงานข้ามชาติจะมารวมตัวกันประท้วง เพื่อเรียกร้องสิทธิแรงงานให้กับตัวเอง ซึ่งเกิดขึ้นประจำทุกเดือน

การชุมนุมประท้วงของแรงงานข้ามชาติในกรุงโซลเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2025
กง วงศ์เศรษฐ ดูจะแปลกใจกับคำถามที่ว่า ‘ทำไมถึงกล้าออกมาชุมนุม’ เพราะสำหรับเขา การชุมนุมคือสิทธิขั้นพื้นฐาน ของทุกคนในเกาหลีใต้ แถมทุกครั้งที่มีการชุมนุม ตำรวจจะมาคอยดูแลความปลอดภัยให้อย่างดี
“ถ้าเรามีเอกสารทำงาน เกาหลีใต้ถือว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่มีสวัสดิการที่ดี ลูกสามารถเข้าโรงเรียนได้ และสามารถเรียนภาษาเกาหลีใต้ได้ด้วย”
แรงงานชาวกัมพูชารายนี้ เล่าถึง 3 ข้อเรียกร้องในการชุมนุมในวันนั้น คือ
- แรงงานข้ามชาติต้องสามารถเปลี่ยนนายจ้างได้อย่างเสรี
- ต้องมีมาตรการป้องกัน ไม่ให้เกิดความรุนแรงจากนายจ้าง
- ค่าแรงขั้นต่ำ 70,000 บาทต่อเดือน
“แม้แรงงานข้ามชาติ จะอยู่ภายใต้กฎหมายแรงงานเกาหลีใต้ แต่ในทางปฏิบัติยังมีปัญหา” อิชาน คิม กล่าวภายในเอิร์ทเทียนส์ (Earthians) ที่เขาสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่พักพิงชั่วคราวให้กับแรงงานข้ามชาติ เมื่อปลายปี 2009 ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองอันซัน (Ansan) เมืองแห่งอุตสาหกรรม ที่นับเป็นหนึ่งในหมุดหมายของแรงงานข้ามชาติจำนวนมาก
เขากล่าวว่า สาเหตุที่ยังเกิดการละเมิดสิทธิแรงงานข้ามชาติ แม้ว่าจะมีกฎหมายรับรอง เป็นเพราะการลงโทษที่ไม่รุนแรงมากพอ ทั้งแรงงานก็เลือกยอมแพ้ในการต่อสู้ ด้วยไม่มีคนที่ยื่นมือมาให้ความช่วยเหลือ

ช่วงบ่ายวันศุกร์มัสยิดในเมืองอันซัน คับคั่งไปด้วยแรงงานข้ามชาติชาวมุสลิมที่มาละหมาด
ในฐานะนักปกป้องสิทธิแรงงานข้ามชาติ อิชาน คิม จึงพยายามรวบรวมหลักฐาน ส่งให้กระทรวงแรงงาน และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน หนึ่งในวิดีโอที่เขามีอยู่ แสดงให้เห็นถึงภาพนายจ้างชาวเกาหลีใต้ กำลังคุกคามแรงงานผู้หญิงชาวกัมพูชา
สิ่งเหล่านี้ยังคงเกิดขึ้นอยู่ โดยเฉพาะกับแรงงานในภาคเกษตรกรรม ที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล และมักถูกกดขี่จากนายจ้าง ตามคำยืนยันของ อิชาน คิม แรงงานต้องอาศัยในที่ซึ่งไม่ถูกสุขลักษณะ บางกรณี ต้องทำงานโดยไม่รับค่าจ้าง 2 ชม. ต่อวัน เพื่อแลกกับค่าที่พักที่ไม่ได้มาตรฐาน
อิชาน คิม กล่าวต่อว่า แรงงานข้ามชาติในประเทศเกาหลีใต้ มีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตในที่ทำงาน สูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศถึง 3 เท่า อย่างเหตุการณ์เพลิงไหม้โรงงานแบตเตอรี่ลิเธียม ในเมืองฮวาซอง จังหวัดคยองกี เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2567 ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 22 ราย โดยผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นแรงงานชาวจีน ย้ำเตือนถึงปัญหาที่รุนแรงในการจ้างงาน และการจัดการด้านความปลอดภัย

อิชาน คิม (ICHAN KIM)
“อยู่ที่นี่ปลอดภัยก็จริง แต่ต้องระวัง เพราะงานที่ทำ คืองานอันตรายถึงชีวิต” อิชาน คิม ย้ำ
รู้ทั้งรู้ แต่คำบอกเล่าของ กง วงศ์เศรษฐ ทำให้เห็นถึงเงื่อนไขชีวิต ที่ทำให้บรรดาแรงงานยอมเสี่ยง “คนมาทำงานที่นี่ก็เพื่อช่วยเหลือครอบครัวทั้งนั้น”
ก่อนมาทำงานที่เกาหลีใต้ ครั้งหนึ่ง กง วงศ์เศรษฐ เคยเป็นแรงงานข้ามชาติอยู่ในประเทศไทย ทำให้เขาสามารถสื่อสารไทยได้คล่อง เขาเล่าว่าชอบเมืองไทย และมีโอกาสจะกลับไปกินทุเรียนที่เมืองไทยอีกครั้ง ในตอนนี้ กง วงศ์เศรษฐ ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของสมาชิกสหภาพแรงงานข้ามชาติในเกาหลีใต้ แต่เมื่อถูกถามว่าภายในสหภาพนั้นมีเพื่อนแรงงานชาวไทยมากน้อยแค่ไหน
กง วงศ์เศรษฐ กลับตอบว่า แทบไม่มีแรงงานชาวไทยเข้าร่วมกับทางสหภาพแรงงานเกาหลีใต้เลย
[‘สหภาพแรงงาน’ กลไกที่แรงงานไทยไม่คุ้นเคย]
“เราต้อนรับทุกคน แต่แรงงานข้ามชาติบางส่วนไม่สนใจเข้าร่วมสหภาพ เพราะไม่อยากออกมาเรียกร้องสิทธิ”
อุดยา ราย (Udaya Rai) แรงงานข้ามชาติชาวเนปาล เป็นหนึ่งในสมาชิกสหภาพแรงงานข้ามชาติในเกาหลีใต้ เขาเป็นประธานสหภาพแรงงานข้ามชาติโซล-คยองกี-อินชอน (MTU) ซึ่งเป็นองค์กรที่มีบทบาทโดดเด่นในการเรียกร้องสิทธิแรงงานข้ามชาติในเกาหลีใต้
ตามความเห็นของ อุดยา มองว่า สาเหตุที่แรงงานชาวไทยมีส่วนร่วมน้อย ในกิจกรรมของสหภาพแรงงาน แม้ว่าจะเป็นกลุ่มแรงงานข้ามชาติกลุ่มใหญ่ที่สุดกลุ่มหนึ่งก็ตามนั้น ปัญหาหลัก คือ ‘อุปสรรคทางภาษา’

แรงงานข้ามชาติในกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้
สืบเนื่องจาก ข้อมูลและกิจกรรมของสหภาพส่วนใหญ่ เป็นภาษาเกาหลี ทำให้แรงงานไทยบางส่วนไม่สามารถเข้าถึงได้ นอกจากนี้ บริบททางวัฒนธรรมยังมีส่วนสำคัญ โดยแรงงานไทย มักไม่คุ้นเคยกับการประท้วง หรือ การรวมกลุ่มเพื่อเรียกร้องสิทธิ
“อีกทั้งสถานะการเข้าเมืองที่ไม่ถูกต้องของแรงงานไทยจำนวนมาก ทำให้พวกเขากลัวการถูกจับกุม และส่งผลให้ไม่กล้าแสดงออก หรือ เข้าร่วมกิจกรรมสาธารณะ”
อุดยาเสริมว่า มีความพยายามทำงานร่วมกับทางสถานทูตไทย โดยมีการติดต่อและหารือกัน เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาให้กับแรงงานไทยต่อเนื่อง
“มีการนำเสนอภาพลักษณ์ที่เกินจริงว่า เกาหลีใต้ไม่มีการละเมิดสิทธิแรงงาน” อุดยากล่าว “ทำให้แรงงานมีความคาดหวังที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง การให้ความรู้และสร้างความตระหนักถึงสิทธิแรงงาน จึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้แรงงานสามารถปกป้องตนเองได้”
ในตอนท้าย อุดยา เน้นย้ำว่า สหภาพแรงงานเกาหลี (KCTU) มีแนวคิดที่ครอบคลุมแรงงานทุกคน โดยมองว่าแรงงานทุกคนสมควรได้รับสิทธิที่เท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นแรงงานชาวเกาหลีใต้ หรือ แรงงานข้ามชาติก็ตาม
[ความฝันของแรงงานข้ามชาติในเกาหลีใต้]
“ผมกำลังเตรียมตัวกลับบ้านแล้ว อยู่มานานทำงานได้เงินจนซื้อบ้าน มีที่ดิน มีเงินเก็บสำหรับกลับไปตั้งตัวที่กัมพูชา”
กง วงศ์เศรษฐ ใช้ชีวิตอยู่ในเกาหลีใต้มา 10 ปี วันนี้เขามาอาศัยอยู่กับอิชาน คิม ในที่พักพิงชั่วคราวเมืองอันซัน ไม่ใช่แค่เขาคนเดียวที่มาพักอาศัยอยู่ที่นี่ ภายในที่พักพิงยังมีแรงงานกัมพูชาคนอื่นๆ ทั้งวีนา จำเริญ รวมถึงสุลิม
“เศรษฐกิจในประเทศกัมพูชาไม่ดี คนกัมพูชาต้องมาทำงานต่างประเทศ ถึงพอจะมีเงินนำไปปลูกบ้านซื้อที่ดิน ซื้อรถ เก็บเงินเพื่ออนาคตวันที่เขาจะได้กลับไปอยู่บ้าน”

กง วงศ์เศรษฐ, สุลิม, จำเริญ, และวีนา แรงงานชาวกัมพูชาในประเทศเกาหลีใต้
ด้วยบริบทที่ ถ้าทำงานภาคเกษตรอยู่ในประเทศกัมพูชาเดือนๆ หนึ่ง พวกเขาจะได้ค่าแรงอยู่ที่ 6,500 – 9,700 บาทต่อเดือน ในขณะที่เกาหลีใต้นั้น หากทำงานในภาคเกษตร จะได้ค่าแรงอยู่ที่ 52,000 บาทต่อเดือน และมากขึ้นไปอีก หากทำงานในโรงงาน หรือ งานก่อสร้าง ที่มีรายได้ประมาณ 65,000 – 78,000 บาทต่อเดือน
“เป้าหมายหลักของผมคือการหาเงินให้ได้มากๆ” สุลิมกล่าว
ในขณะที่จำเริญกล่าวว่าความปรารถนาสูงสุดของเขาคือ การได้กลับบ้านไปสร้างครอบครัว และใช้ชีวิตแบบปกติ ในวันที่เขาสร้างฐานะให้กับตัวเองได้มั่นคงพอ ด้าน วีนา ความฝันของเขานั้น อยากถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 เพื่อที่จะได้มีเงินจำนวนมาก
ซึ่งในตอนท้าย ทั้ง กง วงศ์เศรษฐ วีนา จำเริญ และสุลิม ต่างเห็นตรงกันว่า แรงจูงใจหลักที่ทำให้พวกเขากลายมาเป็นแรงงานข้ามในเกาหลีใต้ คือ ความต้องการสร้างความมั่นคงทางการเงิน เพื่อที่จะสามารถดูแลครอบครัว ให้มีสุขภาพที่ดี และมีความปลอดภัยในชีวิต










