วันที่ 3 พ.ค. บีบีซีรายงานว่า รัฐบาลสเปนออกคำสั่งให้ประชาชนทุกคนจะต้องสวมหน้ากากอนามัยเมื่อต้องใช้บริการขนส่งสาธารณะ ตั้งแต่วันที่ 4 พ.ค. เป็นต้นไป ในขณะที่ประเทศค่อยๆ ผ่อนคลายมาตรการปิดประเทศที่มีความเข้มงวด
นายกรัฐมนตรีเปโดร ซานเชส เปิดเผยว่า รัฐบาลจะแจกจ่ายหน้ากากจำนวน 6 ล้านชิ้น ส่วนใหญ่ตามจุดให้บริการขนส่งสาธารณะ และอีกกว่า 7 ล้านชิ้นให้แก่เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น
เมื่อวันเสาร์ ชาวสเปนเริ่มพากันมาออกกำลังกายนอกบ้านเป็นครั้งแรกในรอบ 7 สัปดาห์ หลังจากต้องอยู่กับบ้านตามมาตรการควบคุมโรคของรัฐบาล ส่วนในประเทศต่างๆ ในยุโรป ได้เริ่มทยอยผ่อนคลายมาตรการปิดเมืองลงแล้ว อย่างไรก็ตาม มาตรการเว้นระยะทางสังคมจะยังคงมีผลบังคับใช้ต่อไป โดยในบางประเทศ ประชาชนจะยังคงต้องสวมหน้ากากเมื่อต้องใช้บริการร้านค้า หรือบริการขนส่งสาธารณะ
นายซานเชส กล่าวว่า ตอนนี้สเปนได้มอบของรางวัลเพื่อเป็นการตอบแทนต่อความเสียสละของประชาชนในช่วงมาตรการปิดเมือง ซึ่งนับว่าเข้มงวดมากที่สุดประเทศหนึ่งในยุโรป เขายังกล่าวว่า รัฐบาลเตรียมอนุมัติงบประมาณ 16,000 ล้านยูโร หรือราว 560,000 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือหน่วยงานต่างๆ ในท้องถิ่น ในการรับมือกับความเสียหายทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในช่วงการระบาดของไวรัส
ทั้งนี้ ตามมาตรการปิดประเทศของสเปน ตั้งแต่วันที่ 14 มี.ค. ประชาชนได้รับอนุญาตให้ออกจากบ้านเฉพาะกรณีที่ต้องออกไปซื้ออาหารหรือยา และกรณีที่ต้องเดินทางไปทำงาน หากไม่สามารถทำงานที่บ้านได้ หรือนำสุนัขออกไปเดินเล่นเป็นระยะเวลาสั้นๆ
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันประชาชนสามารถออกไปออกกำลังกายกลางแจ้งได้ตามช่วงเวลาที่กำหนด โดยกลุ่มผู้ใหญ่ส่วนใหญ่สามารถออกไปเดินหรือเล่นกีฬา ในระหว่างเวลา 06.00-10.00 น. และระหว่าง 20.00-23.00 น.
ปัจจุบัน สเปนมีผู้ติดเชื้อรวม 216,582 คน และผู้เสียชีวิต 25,100 คน









