ผลกระทบจากการโดนจีนสั่งห้ามนำเข้า ทำให้สับปะรดไต้หวันกลายเป็นที่ต้องการของตลาดในหลายประเทศทันที
วันที่ 10 มี.ค. 2564 สำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า ผู้บริโภคหลายชาติในเอเชียเพิ่มยอดการสั่งซื้อสับปะรดจากไต้หวัน เพื่อเป็นการตอบโต้มาตรการกีดกันทางการค้าของจีน ที่เริ่มบังคับใช้ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์
จีนประกาศสั่งห้ามไม่ให้นำเข้าสับปะรดจากไต้หวันโดยให้เหตุผลว่า มีการตรวจพบศัตรูพืชในสินค้าที่ส่งมา ขณะที่หลายฝ่ายเชื่อว่าเป็นเหตุผลด้านการเมืองระหว่างประเทศที่ต้องการทำให้ไต้หวันได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจมากกว่า
Our 🍍 pineapples 🍍 are the world's finest, & we are working to sell them to even more countries so everyone can enjoy delicious #Taiwanese fruit. They are sure to put a smile on your face. pic.twitter.com/ghH7DfTUx2
— 蔡英文 Tsai Ing-wen (@iingwen) March 2, 2021
หลังจากมีคำประกาศออกมา ประธานาธิบดี ไช่ อิงเหวิน ของไต้หวันได้เริ่มแคมเปญรณรงค์ให้ชาวไต้หวันหันมาสนับสนุนสินค้าชนิดนี้ทันที เพื่อเป็นการสนับสนุนเกษตรกรภายในประเทศ ขณะเดียวกันก็มีรายงานว่าผู้บริโภคในญี่ปุ่น ฮ่องกง ออสเตรเลีย รวมถึงนักธุรกิจชาวไต้หวันในสิงคโปร์ ตัดสินใจสั่งซื้อสับปะรดจำนวนมากเพื่อแสดงออกถึงการสนับสนุนไต้หวัน
ปีที่แล้ว ไต้หวันส่งออกสับปะรดไปยังจีนราว 40,000 ตัน นับเป็นสัดส่วน 95% ของการส่งออกสับปะรดทั้งหมด แต่ภายในระยะเวลาเพียง 2 สัปดาห์หลังจากที่จีนประกาศแบน ผู้ปลูกสับปะรดในไต้หวันได้รับยอดสั่งซื้อไปแล้วเกือบ 48,000 ตัน โดย 10,500 ตันมาจากลูกค้าในต่างประเทศ
เหตุการณ์นี้มีความคล้ายคลึงกับกรณีที่จีนเคยแบนการนำเข้าไวน์ออสเตรเลียเมื่อปีที่แล้ว ครั้งนั้น หลายชาติในยุโรปและเอเชียต่างเพิ่มยอดการสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ที่โดนรัฐบาลจีนขึ้นบัญชีดำเช่นเดียวกัน










