นิตยสารไทม์ยกย่อง ‘โจ ไบเดน – กมลา แฮร์ริส’ เป็นบุคคลแห่งปี โดยย้ำถึงความท้าทายในอีก 4 ปีข้างหน้าที่ทั้งคู่ต้องเข้าไปจัดการ ตั้งแต่การระบาดของโรคโควิด-19 ไปจนถึงความแตกแยกรุนแรงในสังคมอเมริกัน
วันที่ 11 ธ.ค. 2563 นิตยสารไทม์ ประกาศชื่อบุคคลที่ได้รับยกย่องเป็นบุคคลแห่งปี ประจำปี 2563 โดยมอบให้นายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนางกมลา แฮร์ริส ว่าที่รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ
นิตยสารไทม์ระบุว่า แม้ที่ผ่านมาประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะถูกระบุให้เป็นบุคคลแห่งปีมาอย่างสม่ำเสมอ แต่ในปีนี้เป็นครั้งแรกที่มีว่าที่รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้รับยกย่องร่วมกับว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของอเมริกาด้วย

นายเอ็ดเวิร์ด เฟลเซนทัล บรรณาธิการบริหารและซีอีโอของนิตยสารไทม์ระบุว่า สาเหตุที่ทั้งสองคนนี้ได้รับยกย่องเป็นบุคคลแห่งปี เนื่องจากนิตยสารไทม์มองไปถึงอนาคตอีก 4 ปีข้างหน้าว่า จะเป็นบททดสอบครั้งสำคัญที่ว่าที่ประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ต้องเผชิญ ว่าทั้งคูู่จะนำพาเอกภาพกลับสู่สังคมอเมริกันตามที่ให้คำมั่นเอาไว้หรือไม่
ในตอนหนึ่งของบทความยกย่องไบเดน-แฮร์ริสเป็นบุคคลแห่งปี นิตยสารไทม์ระบุว่า นายโจ ไบเดนเป็นบุคคลที่มีวิสัยทัศน์ในการแก้ปัญหาความแตกแยกในอเมริกา โดยรู้ว่าตัวเขาเองอาจไม่สามารถทำได้ลำพัง จึงตัดสินใจเลือกกมลา แฮร์ริส เป็นคู่ชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งการเป็นผู้หญิงผิวดำ มีเชื้อสายแอฟริกันและเอเชียของนางแฮร์ริส จะทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ ชุดใหม่มีชุดความคิดที่สดใหม่และหลากหลาย
นิตยสารไทม์ยังชี้ว่า นายไบเดนและนางแฮร์ริสมีปัญหาการระบาดของโรคโควิด-19 ที่รอให้เข้าไปจัดการทันทีที่เข้าสู่ทำเนียบขาว โดยปัญหาดังกล่าวนอกจากจะทำให้มีผู้เสียชีวิตในสหรัฐฯ เพิ่มสูงสุดถึงวันละ 3,000 คนแล้ว ยังมีปัญหาเศรษฐกิจตามมาจากภาวะโรคระบาดที่ทำให้คนตกงานจำนวนมาก และปัญหาสังคมเช่นการที่เด็กๆ ไม่มีโอกาสได้ไปเรียนตามปกติ
นิตยสารไทม์มองว่า อีกหนึ่งปัญหาใหญ่ในสังคมอเมริกันตอนนี้คือการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง จนทำให้เกิดความเข้าใจผิด และนำไปสู่ความแตกแยก โดยจากการสำรวจล่าสุด ผู้สนับสนุนนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนปัจจุบันมากถึง 1 ใน 3 ยังเชื่อว่า มีการโกงการเลือกตั้ง
ในตอนท้ายของบทความ นิตยสารไทม์ระบุว่า รัฐบาลของนายโจ ไบเดน อาจเป็นรัฐบาลชุดแรกๆ ของสหรัฐฯ ที่ไม่อาจสืบทอดผลงานของรัฐบาลชุดก่อนได้ ในทางตรงกันข้าม ทีมงานของนายไบเดนได้เตรียมคำสั่งประธานาธิบดีหลายฉบับเพื่อแก้ไขในสิ่งที่พวกเขามองว่า เป็นความผิดพลาดจากทำเนียบขาวตลอด 4 ปีที่ผ่านมา เช่น การแก้ไขนโยบายเกี่ยวกับผู้อพยพ รวมทั้งการกลับไปร่วมมือกับประชาคมโลกแก้ไขปัญหาโลกร้อน เป็นต้น ซึ่งนายไบเดนระบุกับนิตยสารไทม์โดยหวังว่า ในช่วงเปลี่ยนผ่านที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้ และเหลืออยู่อีกไม่กี่สัปดาห์ ทุกคนน่าจะได้เห็นความร่วมมือระหว่างรัฐบาลชุดเก่ากับรัฐบาลชุดใหม่มากกว่าที่หลายคนคาดหวังเอาไว้










