ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO ESU) ประเมินเศรษฐกิจโลกปี 2567 ชะลอตัวแต่ไม่เลวร้ายถึงขั้น ‘เศรษฐกิจถดถอย’ แนะลงทุนพันธบัตรเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทน 8-15%
‘ธรรมรัตน์ กิตติสิริพัฒน์’ หัวหน้าฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจ ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO ESU) กล่าวว่า เศรษฐกิจโลกในปี 2567 มีแนวโน้มจะชะลอตัวลงจากนโยบายการเงินที่เข้มงวดที่สุดในรอบหลายปี
ด้านอัตราเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูงมีแนวโน้มว่าจะปรับตัวลดลงอย่างช้าๆ ส่วนอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกจะยังคงอยู่ในระดับสูง เพราะธนาคารกลางจะต้องควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ตามเป้าหมาย
แม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวแต่ยังให้น้ำหนักไม่มาก ที่จะเข้าสู่ ‘ภาวะถดถอย’ แต่ประเด็นเศรษฐกิจถดถอยก็ยังเป็นความเสี่ยงของปี 2567 ที่ไม่อาจละเลยได้ เพราะมีหลายปัจจัยที่มีความไม่แน่นอนสูง
สำหรับเศรษฐกิจไทยปี 2567 คาดว่าจะเติบโต 3.5% ดีขึ้นจากปี 2566 เพราะการส่งออกสินค้าและการใช้จ่ายภาครัฐจะกลับมาช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจอีกครั้ง
ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามปีหน้า คือ ความรวดเร็วของการอนุมัติร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 และการผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็น มาตรการดิจิทัลวอลเล็ท และอีรีฟันด์ (e-Refund) นับเป็นหนึ่งตัวแปรสำคัญต่อทิศทางเศรษฐกิจ
‘คมศร ประกอบผล’ หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ กล่าวว่า ในปี 2567 ตลาดพันธบัตรโลกจะกลับมาให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจกว่าตลาดหุ้นอีกครั้ง และจะกลายเป็นสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุดในปี 2567
คาดว่ามีโอกาสสร้างผลตอบแทนประเมินจากกรณีฐาน ปี 2567 หากเศรษฐกิจชะลอตัวแต่ไม่เข้าสู่ภาวะถดถอย (Soft landing) ผลตอบแทนจากการลงทุนในพันธบัตรสหรัฐฯ จะอยู่ที่ราว 8%
แต่หากเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถอดถอย (hard landing) ผลตอบแทนจากการลงทุนในพันธบัตรจะเพิ่มขึ้นเป็น 15%
ในขณะที่ตลาดหุ้นยังซื้อขายอยู่ในระดับที่ค่อนข้างแพง โดยดัชนี S&P500 ซื้อขายที่อัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรต่อหุ้น (P/E) ประมาณ 18 เท่า ซึ่งนับว่าสูงเกินไป เพราะหากประเมินจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นและสภาพคล่องที่ลดลง ค่า P/E ที่เหมาะสมควรอยู่ที่ราว 17 เท่า
นอกจากนั้น ตลาดหุ้นยังอาจถูกกดดันจากการปรับลดคาดการณ์ผลกำไร โดยปัจจุบันนักวิเคราะห์คาดผลประกอบการปี 2567 ของบริษัทจดทะเบียนที่ซื้อขายอยู่ในดัชนี S&P500 ว่าจะเติบโตที่ 12% นับเป็นการคาดการณ์ที่ค่อนข้างสูง
ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่า เศรษฐกิจสหรัฐ (GDP) จะขยายตัวเพียง 1.5% น้อยกว่าปี 2566 ที่คาดว่าเศรษฐกิจจะเติบโต 2%
ส่วนเศรษฐกิจไทยปี 2567 แม้ว่าจะมีแนวโน้มเติบโตมากกว่าปี 2566 แต่ยังให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นไทย แบบคงน้ำหนักการลงทุน (Neutral) และยังไม่แนะนำให้เพิ่มน้ำหนักการลงทุน (Overweight)
เนื่องจากหากมองมูลค่าหุ้นที่ยังแพงเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นเอเชียโดยรวม และในระยะยาวยังมีแนวโน้มการเติบโตที่ยังไม่ชัดเจนจึงยังไม่แนะนำให้สัดส่วนการลงทุนมากเกินไป










