นายกฯ อังกฤษเผยแผนคลายล็อคดาวน์อย่างมีเงื่อนไข

วันที่ 11 พ.ค. บีบีซีรายงานว่า ในระหว่างการแถลงทางโทรทัศน์เมื่อวันอาทิตย์ นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของอังกฤษ ประกาศแผนการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ โดยจะเริ่มเปิดสังคมและเศรษฐกิจอย่างเป็นขั้นตอน โดยกล่าวว่ามาตรการล็อคดาวน์จะยังคงไม่สิ้นสุด โดยเรียกร้องให้ประชาชนตื่นตัวอยู่เสมอต่อต่อความเสี่ยงของการระบาด ในขณะที่เขากำลังร่างแผนเพื่อค่อยๆ ผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ที่ทำให้เศรษฐกิจต้องหยุดชะงักมานานถึง 7 สัปดาห์

ผู้นำอังกฤษยังเปิดเผยว่า ประชาชนยังควรทำงานที่บ้านหากทำได้ ส่วนผู้ที่ไม่สามารถทำงานที่บ้านได้ เช่นภาคการก่อสร้างและการผลิต สามารถกลับไปทำงานที่สถานที่ทำงานได้ แต่ควรหลีกเลี่ยงระบบขนส่งสาธารณะ

ส่วนระบบแจ้งเตือนโควิด (Covid Alert System) ที่มี 5 ระดับ โดยเริ่มจากระดับ 1 คือสีเขียว ไปจนถึงระดับ 5 คือสีแดง ที่จะช่วยให้รัฐบาลได้ทราบถึงความเสี่ยงในพื้นที่ต่างๆ ในประเทศ และจะเป็นตัวกำหนดว่ามาตรการล็อคดาวน์จะสามารถผ่อนคลายได้เร็วเพียงใด นายจอห์นสันกล่าวว่า ปัจจุบันอังกฤษอยู่ในระดับ 4 และจะค่อยๆ ลดลงไประดับ 3

โดยนับตั้งแต่วันพุธนี้ ประชาชนได้รับอนุญาตให้ออกมาทำกิจกรรมกลางแจ้งได้โดยไม่จำกัด เช่นการนั่งพักผ่อนในสวนสาธารณะ หรือการขับรถไปยังสถานที่ต่างๆ หรือการเล่นกีฬากับสมาชิกในครอบครัว แต่ยังคงต้องปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมอย่างเคร่งครัด เมื่อต้องเดินทางไปสถานที่สาธารณะ

นายจอห์นสันหวังว่าขั้นต่อไปจะเกิดขึ้นเร็วที่สุดในวันที่ 1 มิถุนายนนี้ เพื่อให้นักเรียนชั้นประถมศึกษาบางส่วนในอังกฤษ สามารถกลับไปเรียนหนังสือได้ โดยในขั้นนี้ ร้านค้าต่างๆ สามารถเปิดได้ แต่เตือนว่า สิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้จำเป็นต้องอาศัยหลักฐานทางวิทยาศาสตร์

ส่วนขั้นต่อไป อุตสาหกรรมการบริการ และสถานที่สาธารณะต่างๆ สามารถเปิดให้บริการได้ หากมีตัวเลขสนับสนุน แต่ต้องไม่เร็วกว่าวันที่ 1 กรกฎาคม และขั้นตอนเหล่านี้เป็นเพียงภาพร่างคร่าวๆ ของแผนงานในการเปิดประเทศอีกครั้ง

ผู้นำอังกฤษกล่าวเสริมว่า นี่ไม่ใช่เวลาในการยุติการล็อคดาวน์ในสัปดาห์นี้ แต่เราควรดำเนินการตามขั้นตอนแรกอย่างระมัดระวังในการลดทอนความเข้มงวดของมาตรการต่างๆ และกล่าวยืนยันว่า ค่าปรับสำหรับผู้ที่ฝ่าฝืนมาตรการล็อคดาวน์ จะมีการปรับเพิ่มขึ้น

รัฐบาลอังกฤษเผชิญเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการรับมือการระบาด และนายจอห์นสันก็ระมัดระวังอย่างมากที่จะไม่ผ่อนคลายมาตรการต่างๆ เร็วเกินไป ปัจจุบันยอดผู้เสียชีวิตในอังกฤษอยู่ที่ 31,855 คน สูงเป็นอันดับสองของโลกรองจากสหรัฐฯ

รัฐบาลยังถูกพรรคฝ่ายค้านตั้งคำถามว่าเหตุใดประเทศจึงไม่ดำเนินมาตรการล็อคดาวน์ก่อนหน้านี้ เหตุใดจึงไม่สามารถดำเนินการตรวจหาเชื้ออย่างครอบคลุม และเหตุใดจึงเกิดปัญหาขาดแคลนเครื่องมือและอุปกรณ์ป้องกันสำหรับเจ้าหน้าที่และบุคลากรทางการแพทย์