อังกฤษเตือนผู้มีประวัติแพ้ยา-อาหารไม่ควรฉีดวัคซีนโควิด-19 ของไฟเซอร์และไบโอเอ็นเทค หลังพบผู้ได้รับวัคซีนมีอาการแพ้ แต่ยังเชื่อมั่นวัคซีนปลอดภัยและมีประสิทธิภาพต้านเชื้อโควิด-19
วันที่ 10 ธ.ค. 2563 เว็บไซต์ซีเอ็นเอ็นและอัลจาซีรา รายงานอ้างคำเตือนของหน่วยงานสาธารณสุขอังกฤษที่ระบุว่า ผู้ที่มีประวัติการแพ้ยาหรืออาหารหลายครั้ง ไม่ควรได้รับวัคซีนโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์ (Pfizer) และไบโอเอ็นเทค (BioNTech) หลังพบผู้ได้รับวัคซีนโควิด-19 จำนวน 2 คนมีอาการแพ้หลังฉีดวัคซีนเมื่อวันอังคาร (8 ธ.ค.) ซึ่งทางการอังกฤษจะไม่ฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ให้กับผู้มีอาการแพ้ พร้อมจะดำเนินการสอบสวนถึงอาการที่เกิดขึ้นต่อไป
หน่วยงานด้านสาธารณสุขในอังกฤษยืนยันว่า ผลข้างเคียงดังกล่าวจะไม่กระทบต่อคนส่วนใหญ่ที่ไม่มีอาการแพ้ พร้อมมั่นใจว่าวัคซีนโควิด-19 จะปลอดภัยตามมาตรฐานสาธารณสุข และมีประสิทธิภาพต่อต้านเชื้อโควิด-19 อย่างแน่นอน
สำหรับอาการแพ้ที่อาจเป็นความเสี่ยงในการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์และไบโอเอ็นเทค ครอบคลุมตั้งแต่การแพ้ยาบางชนิด เช่น แอสไพริน ไปจนถึงการแพ้อาหาร เช่น นมหรือถั่ว หรือการแพ้หลังถูกผึ้งต่อยเป็นต้น โดยผู้ที่อาการแพ้มักจะหายใจติดขัด อ่อนแรง และหัวใจเต้นเร็ว

แม้อาการแพ้จากการได้รับวัคซีนจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ แต่หลายฝ่ายก็มีความกังวลเนื่องจากในตอนนี้มีเพียงวัคซีนของบริษัทไฟเซอร์และไบโอเอ็นเทคเพียงชนิดเดียวที่ผ่านการอนุมัติ ทำให้ยังไม่มีตัวเลือกในการฉีดวัคซีนโควิด-19 ชนิดอื่นให้เหมาะสมกับผู้ได้รับวัคซีนมากเท่าที่ควร ขณะที่ก่อนหน้านี้เคยมีรายงานว่า ในการทดลองระยะที่สองของวัคซีนโควิด-19 จากบริษัทซิโนแวค (Sinovac) ผู้ผลิตวัคซีนสัญชาติจีน พบอาสาสมัคร 1 คนมีอาการแพ้ หลังฉีดวัคซีนเข็มแรก 48 ชั่วโมง โดยมีการรักษาตามอาการจนหายเป็นปกติ และไม่พบอาการแพ้อีกเมื่อได้รับวัคซีนเข็มที่ 2
รัฐบาลอังกฤษเป็นชาติแรกในโลกที่อนุมัติการใช้วัคซีนโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์และไบโอเอ็นเทค ซึ่งใช้การพัฒนาวัคซีนด้วยเทคโนโลยี mRNA ถือเป็นเทคโนโลยีใหม่ของโลก โดยผลการทดสอบวัคซีนกับอาสาสมัครพบว่า วัคซีนดังกล่าวมีประสิทธิภาพต้านเชื้อโควิด-19 มากถึง 95% พร้อมยืนยันว่า ไม่มีผลข้างเคียงอันตรายจากการฉีดวัคซีนนี้










