อดีตประธานาธิบดีรัสเซียย้ำ รัสเซียจะไม่หยุดทำสงครามยูเครน แม้ว่ายูเครนจะยอมถอยไม่เข้าร่วมเป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ก็ตาม
นายดมิทรี เมดเวเดฟ อดีตประธานาธิบดีรัสเซีย ปัจจุบันเป็นรองประธานสภาความมั่นคงรัสเซีย ให้สัมภาษณ์เมื่อวานนี้ (26 ส.ค.) ยืนยันว่า แม้การที่ยูเครนจะประกาศยอมถอย ไม่เข้าร่วมเป็นสมาชิกองค์การนาโตจะเป็นเรื่องจำเป็น แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องหลักที่จะนำไปสู่สันติภาพ
เขายังชี้ด้วยว่า รัสเซียจะเดินหน้าสงครามยูเครนต่อไป จนกว่าจะบรรลุเป้าหมายของรัสเซียเอง คือการปลดปล่อยยูเครนจากแนวคิดนาซี ซึ่งเป็นข้ออ้างที่ฝ่ายรัสเซียใช้เป็นเหตุผลในการบุกยูเครนมาโดยตลอด
อย่างไรก็ตาม อดีตผู้นำรัสเซียรายนี้ ยังยืนยันถึงหนทางการเจรจากับนายโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน โดยระบุว่า ฝ่ายรัสเซียได้เตรียมความพร้อมเจรจากับยูเครนมาตลอด ภายใต้เงื่อนไขที่เหมาะสม

ขณะที่ความช่วยเหลือด้านยุทโธปกรณ์ที่ชาติตะวันตก โดยเฉพาะสหรัฐฯ ที่ส่งอาวุธพิสัยไกลความแม่นยำสูงให้ยูเครนต่อกรกับรัสเซียนั้น นายเมดเวเดฟชี้ว่า อาวุธดังกล่าวยังไม่ถือเป็นภัยคุกคามของรัสเซีย ตราบใดที่พิสัยของอาวุธเหล่านั้นยังไม่ถึงระยะ 300-400 กิโลเมตร ซึ่งเป็นระยะที่อาจครอบคลุมดินแดนรัสเซีย
สำหรับนายเมดเวเดฟ เคยดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีรัสเซีย ในสมัยที่นายปูติน สลับไปดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพื่อหลีกเลี่ยงข้อกำหนดตามรัฐธรรมนูญ จำกัดวาระการดำรงตำแหน่ง 8 ปีติดต่อกัน ก่อนที่นายปูตินจะกลับไปเป็นประธานาธิบดีอีกครั้งเมื่อนายเมดเวเดฟหมดวาระ ซึ่งนี่ทำให้หลายฝ่ายมองว่า นายเมดเวเดฟยังเป็นนักการเมืองที่นายปูตินไว้วางใจ และใกล้ชิดมากที่สุดคนหนึ่งด้วย
ขณะที่สถานการณ์ในยูเครนล่าสุด ยังมีความกังวลเกี่ยวกับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริซเซีย โดยนายโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครนชี้ว่า สถานการที่โรงไฟฟ้าดังกล่าวยังมีความเสี่ยงสูง หลังมีรายงานการถูกตัดการเชื่อมต่อเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ผลจากการเข้ายึดครองโรงไฟฟ้าของกองกำลังรัสเซีย
ผู้นำยูเครนชี้ว่า โลกกำลังตกอยู่ในความเสี่ยงภัยพิบัติกัมมตภาพรังสี ท่ามกลางรายงานว่า ชาวบ้านในพื้นที่ใกล้โรงไฟฟ้า ได้รับการแจกจ่ายไอโอดีชนิดเม็ด เพื่อลดความอันตรายของสารกัมมันตภาพรังสี










