ผู้แทนพิเศษด้านเมียนมาขององค์การสหประชาชาติ เปิดเผยตัวเลขผู้พลัดถิ่นจากความรุนแรงหลังรัฐประหารในเมียนมาที่อาจสูงถึง 250,000 คน ขณะที่โครงการอาหารโลกประเมินภายใน 6 เดือนนี้ อาจมีชาวเมียนมาอดอยาก 3.4 ล้านคน
วันที่ 22 เมษายน 2564 สำนักข่าวรอยเตอร์ส และเอเอฟพี รายงานอ้างการเปิดเผยของนายทอม แอนดรูว์ส ผู้แทนพิเศษของสหประชาชาติด้านสิทธิมนุษยชนในเมียนมา ที่ระบุว่า นับตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จนถึงวันนี้ น่าจะมีประชาชนต้องพลัดถิ่นจากความรุนแรงในเมียนมาแล้วเกือบ 250,000 คน
ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า มีชาวกะเหรี่ยงพลัดถิ่นจากเหตุปะทะระหว่างกองทัพเมียนมา กับกองกำลังของกลุ่มชาติพันธุ์ เข้ามาในประเทศไทยกว่า 2,000 คน และอาจมีชาวกะเหรี่ยงอีกอย่างน้อย 24,000 คน อพยพหนีความรุนแรงจากบ้านเรือนตัวเอง ขณะเดียวกันน่าจะมีกลุ่มชาติพันธุ์ในรัฐกะฉิ่นพลัดถิ่นอีกอย่างน้อย 5,000 คน ยังไม่รวมชาวบ้านอีกจำนวนมากที่ต้องหนีภัยความรุนแรงไปอาศัยอยู่ในป่าแทน
ผู้แทนองค์การสหประชาชาติด้านเมียนมาเรียกร้องให้ประชาคมโลกเร่งเข้าตอบสนองต่อหายนะด้านมนุษยธรรมที่เกิดขึ้นในเมียนมาได้แล้ว
นอกจากความกังวลเกี่ยวกับการพลัดถิ่นของประชาชนแล้ว โครงการอาหารโลก (WFP) ยังออกบทวิเคราะห์สถานการณ์ในเมียนมาเพิ่มเติมด้วยว่า ในตอนนี้ราคาอาหารและภาคบริการกำลังเพิ่มสูงขึ้น สวนทางกับคนยากจนในเมียนมาที่มีแนวโน้มตกงานมากขึ้น ทำให้มีแนวโน้มว่า ภายใน 3-6 เดือนข้างหน้า อาจมีประชาชนเข้าไม่ถึงอาหาร และประสบภาวะอดอยากสูงถึง 3.4 ล้านคน
สถานการณ์ในเมียนมา หลังกองทัพก่อรัฐประหารยังคงรุนแรงอย่างต่อเนื่อง โดยข้อมูลล่าสุดระบุว่า มีประชาชนถูกสังหารจากการต่อต้านรัฐประหารแล้วอย่างน้อย 738 คน และมีผู้ถูกจับกุมเป็นนักโทษการเมืองราว 3,300 คน
โดยในวันเสาร์นี้ (24 เม.ย.) ที่กรุงจาการ์ตาของอินโดนีเซีย จะมีการประชุมสุดยอดอาเซียนเพื่อหารือสถานการณ์ในเมียนมาโดยเฉพาะ ซึ่งมีรายงานว่า พลเอกอาวุโสมิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของเมียนมา ผู้นำการรัฐประหารจะเดินทางไปร่วมประชุมในครั้งนี้ด้วยตัวเอง ท่ามกลางการจับตาว่า ท่าทีของอาเซียนต่อสถานการณ์ในเมียนมาจากการประชุมครั้งนี้ จะออกมาในรูปแบบใด
