ปีนี้คนไทยเริ่มใช้เงินอย่างมีสติมากขึ้น จากซื้อเพื่อหนีเครียดสู่ใช้จ่ายเพื่อดูแลชีวิต ลองมองย้อนกลับไป 2–3 ปีที่ผ่านมา เราเคยใช้เงินไปกับอะไรเยอะที่สุด? บางคนอาจตอบว่าเที่ยวให้หายเครียด บางคนคือช้อปเพื่อความสุขชั่วคราวหลังช่วงโควิด แต่ปีนี้อะไรบางอย่างกำลังเปลี่ยนไป
ผลสำรวจ ASEAN Consumer Sentiment Study (ACSS) 2568 จาก ยูโอบี ประเทศไทย และ Boston Consulting Group (BCG) พบว่า คนไทยเริ่ม ‘ตั้งสติ’ กับการใช้เงินมากขึ้น ไม่ใช่เพราะกลัวเศรษฐกิจ แต่เพราะเริ่มเข้าใจว่า ‘เงิน’ คือเครื่องมือดูแลชีวิต ไม่ใช่เครื่องมือหนีความเครียด
[ คนไทยมั่นใจมากขึ้น ]
ปี 2568 ดูจะเป็นปีที่ความมั่นใจของผู้บริโภคไทยเริ่มฟื้น 39% ของคนไทยมองเศรษฐกิจในอนาคตอย่างมั่นใจ เพิ่มขึ้น 4% จากปีก่อนหน้า แต่ที่น่าสนใจคือ ความมั่นใจนี้ไม่ได้แปลว่าคนไทยจะรีบจับจ่ายเหมือนเดิม กลับกันเราเริ่มเลือกใช้เงินอย่างระมัดระวังมากขึ้น
“เรากำลังเห็นการเปลี่ยนแปลงไปสู่การใช้จ่ายเพื่อพัฒนาตนเองและดูแลสุขภาพ สะท้อนความต้องการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในวันนี้ พร้อมเตรียมพร้อมสำหรับวันพรุ่งนี้” คำพูดของ ‘ยุทธชัย เตยะราชกุล’ กรรมการผู้จัดการ บุคคลธนกิจ ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย
เพราะคนไทยยุคนี้ไม่ได้กลัวการใช้เงิน แต่แค่เลือก ‘ใช้กับสิ่งที่มีคุณค่ามากกว่า’ จากเดิมที่ใช้เพื่อเยียวยาใจ กลายเป็นใช้เพื่อเยียวยาชีวิต
[ ใช้เงินเพื่อ ‘อยู่ดี’ มากกว่า ‘อยู่รอด’ ]
44% ของผู้บริโภคไทยใช้จ่ายเพิ่มในหมวดสุขภาพ การศึกษา และคุณภาพชีวิต ไม่ใช่เพราะอยากตามเทรนด์ แต่เพราะเริ่มมองเห็นว่า สิ่งเหล่านี้คือ ‘การลงทุนในตัวเอง’ ที่ให้ผลตอบแทนคุ้มค่าที่สุด
เรากำลังอยู่ในยุคที่คนถามตัวเองว่าอยากแก่แบบไหน มากกว่า อยากรวยแค่ไหน ซึ่งครึ่งหนึ่งของผู้ตอบแบบสอบถาม คาดว่าจะเกษียณหลังอายุ 60 ปี โดยมีเป้าหมายเงินออมเฉลี่ย ดังนี้
– กลุ่มทั่วไป ตั้งเป้าเฉลี่ย 3.9 ล้านบาท
– กลุ่มมีกำลังซื้อสูง ตั้งเป้าเฉลี่ย 10.5 ล้านบาท
ยูโอบี จึงแนะนำให้วางแผนการเงินเชิงรุกตั้งแต่วันนี้ ทั้งการออมแบบต่อเนื่อง การลงทุนกระจายความเสี่ยง และการทำประกันสุขภาพ เพื่อรองรับความไม่แน่นอนในอนาคต
[ คนไทยออมเงินมากขึ้น ]
แต่แรงกดดันจากสังคมยังทำให้เหนื่อย ข่าวดีคือ คนไทยเริ่มมีวินัยทางการเงินดีขึ้นมาก 87% ของผู้บริโภคมั่นใจในการบริหารเงินส่วนบุคคล และกว่า 74% มีการออมมากกว่า 10% ของรายได้ โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ Gen Z เปิดบัญชีใหม่เพิ่มขึ้นถึง 48% ภายในปีเดียว ส่วนกลุ่มมีกำลังซื้อสูง มียอดเงินฝากเติบโตขึ้น 21% แต่ความท้าทายที่ยังคงอยู่คือ แรงกดดันจากสังคม
กว่า 85% ของผู้มีกำลังซื้อสูง ยอมรับว่าเลือกใช้ชีวิตให้มีความสุขตอนนี้ แม้ต้องออมน้อยลง ขณะที่ 76% ของ Gen Y และ 82% ของ Gen Z บอกว่าแรงกดดันจากโซเชียลคืออุปสรรคต่อการเก็บเงินระยะยาว
ดังนั้น ปี 2568 อาจไม่ใช่ปีที่เศรษฐกิจดีที่สุด แต่เป็นปีที่คนไทยเข้าใจเรื่องเงินมากที่สุดในรอบหลายปี เรากำลังเปลี่ยนจากการ ‘ซื้อเพราะอยากได้’ มาเป็น ‘ใช้เพราะอยากอยู่ดี’
ไม่ว่าจะเป็นคอร์สเรียนที่เพิ่มโอกาสในอนาคต ประกันสุขภาพที่ช่วยดูแลครอบครัว หรือเงินออมเล็ก ๆ ที่เริ่มเก็บอย่างมีวินัย ทั้งหมดนี้คือการเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่ของสังคมไทย จากผู้บริโภคที่ตามเทรนด์ สู่ผู้บริโภคที่มีเป้าหมายในชีวิต
เพราะสุดท้าย ‘เงิน’ ไม่ได้มีไว้เพื่อใช้ให้หมด แต่มันมีไว้เพื่อใช้ให้เกิดความหมาย ไม่ว่าจะใช้เพื่อดูแลสุขภาพ เรียนรู้สิ่งใหม่ หรือแบ่งปันให้คนที่เรารัก ทุกการใช้จ่ายที่มาจากความเข้าใจ ย่อมกลายเป็นการลงทุนในชีวิตเสมอ ปีนี้คนไทยอาจไม่ได้ใช้เงินมากขึ้น แต่อาจเข้าใจคุณค่าของมันมากกว่าเดิมก็ได้
