ศึกเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐฯ ที่กำลังจะมีขึ้นในวันนี้ (8 พ.ย.) เป็นเหตุการณ์สำคัญที่จะมาชี้ชะตาอนาคตของประธานาธิบดี ‘โจ ไบเดน’ หลังบริหารประเทศมาได้ครึ่งทาง แน่นอนว่ารวมถึงทิศทางนโยบายของสหรัฐฯ ในอนาคต ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อทั่วโลกอย่างเลี่ยงไม่ได้ 

ความสำคัญของการเลือกตั้งกลางเทอม คือการที่พรรคใดจะสามารถคว้าเสียงข้างมากในสภามาครองได้ ซึ่งก็จะหมายถึงการมีอำนาจในการตัดสินใจต่างๆ ทั้งการอนุมัติงบประมาณ และขับเคลื่อนนโยบายสำคัญๆ ต่อไป

ชาวอเมริกันต้องเลือกอะไรบ้าง ในการเลือกตั้งกลางเทอม 

การเลือกตั้งกลางเทอม ปี 2022 นี้ ชาวอเมริกันจะเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ซึ่งมีวาระดำรงตำแหน่ง 2 ปี ทั้งหมด 435 ที่นั่ง พรรคที่สามารถคว้าที่นั่งได้อย่างน้อย 218 ที่นั่ง จะได้ครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร โดยปัจจุบันพรรคเดโมแครตของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ครองเสียงข้างมากอยู่ 

นอกจากนี้ ชาวอเมริกันยังจะได้เลือกสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) จำนวน 35 ที่นั่ง หรือคิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 3 ของจำนวน ส.ว. ทั้งหมด โดยพรรคการเมืองที่คว้าที่นั่งได้อย่างน้อย 51 ที่นั่ง จะได้ครองเสียงข้างมากในสภา ซึ่งปัจจุบันพรรคเดโมแครตเป็นผู้ครองเสียงข้างมากอยู่

ขณะเดียวกัน ยังจะมีการเลือกผู้ว่าการรัฐ 36 รัฐ จาก 50 รัฐทั่วประเทศ และการเลือกตั้งผู้ว่าการของ 3 ดินแดนภายใต้อธิปไตยของสหรัฐฯ ได้แก่ เกาะกวม หมู่เกาะนอร์ทเทิร์นมาเรียนา และหมู่เกาะยูเอสเวอร์จิน

เลือกตั้งกลางเทอมครั้งนี้สำคัญอย่างไร

ในการบริหารประเทศตลอดสองปีที่ผ่านมา พรรคเดโมแครตของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ครองเสียงข้างมากอยู่ทั้งในสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา ทำให้การออกกฎหมายหรือนโยบายใดๆ สามารถดำเนินไปได้อย่างราบรื่น 

อย่างไรตาม เสียงข้างมากที่อยู่ในมือพรรคเดโมแครตตอนนี้ เรียกได้ว่าแทบจะปริ่มน้ำ โดยเดโมแครตมีสมาชิกอยู่ในสภาผู้แทนราษฎรตอนนี้ 223 ที่นั่ง ขณะที่พรรครีพับลิกันของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่ง ครองเสียงในสภาอยู่ 213 ที่นั่ง ส่วนในวุฒิสภาเดโมแครตครองเสียงอยู่ 51 ที่นั่ง ขณะที่รีพับลิกันมีอยู่ 49 ที่นั่ง เท่ากับว่าหากผลการเลือกตั้งในวันนี้มีการเปลี่ยนขั้วไม่ว่าจะในสภาใดสภาหนึ่ง จะทำให้การขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลอาจเกิดการสะดุดไม่ราบรื่นเหมือนที่ผ่านมา

โพลล์เทคะแนนรีพับลิกันชนะเลือกตั้งกลางเทอม 

ผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนจากโพลล์หลายสำนักชี้ชะตาไปที่พรรครีพับลิกันจะสามารถครอบครองเสียงข้างมากทั้งในสภาผู้แทนราษฎร ขณะที่ในการเลือกตั้งวุฒิสภาซึ่งก่อนหน้านี้ทั้งสองพรรคยังคงมีความสูสีกันอยู่ แนวโน้มก็เริ่มเทไปยังพรรครีพับลิกัน โดยรัฐที่ต้องจับตาอย่าง แอริโซน่า จอร์เจีย เนวาดา วิสคอนซิน มิชิแกน และเพนซิลเวเนีย ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือดระหว่างพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันในการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งที่ผ่านมา จะเป็นตัวชี้ขาดว่าพรรคใดจะสามารถกวาดเสียงข้างมากมาครองในทั้งสองสภาได้