รัฐบาลสหรัฐฯ อนุมัติวัคซีนโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์และไบโอเอ็นเทค คาดฉีดเข็มแรกวันจันทร์นี้ และจะฉีดชาวอเมริกัน 20 ล้านคนภายในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
วันที่ 12 ธ.ค. 2563 สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า องค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) ประกาศอนุมัติการใช้งานวัคซีนโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์ (Pfizer) และไบโอเอ็นเทค (BioNTech) ในกรณีฉุกเฉินแล้วเมื่อวานนี้ (11 ธ.ค.) หลังผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยและประสิทธิภาพ
ดร.สตีเฟ่น ฮาห์น ผู้อำนวยการ FDA ชี้ว่า นี่คือหมุดหมายสำคัญที่จะเป็นจุดเปลี่ยนครอบครัวชาวอเมริกันและคนทั้งโลก ขณะที่นายอเล็กซ์ อาซาร์ รัฐมนตรีสาธารณสุขสหรัฐฯ เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า ในวันจันทร์นี้ (14 ธ.ค.) น่าจะได้เห็นการฉีดวัคซีนโควิด-19 โดสแรกในสหรัฐฯ และคาดว่าประชากรอเมริกันราว 20 ล้านคนน่าจะได้รับวัคซีนภายในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
ขณะที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ แถลงผ่านโทรทัศน์โดยระบุว่า นี่เป็นเหมือนปาฏิหาริย์ทางการแพทย์ และเป็นหนึ่งในความสำเร็จทางวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์
รายงานระบุว่าในสัปดาห์หน้า รัฐบาลสหรัฐฯ น่าจะแจกจ่ายวัคซีนโควิด-19 แค่ 2.9 ล้านโดส ซึ่งคิดเป็นครึ่งหนึ่งของวัคซีนที่บริษัทไฟเซอร์สามารถส่งมอบให้กับรัฐบาลสหรัฐฯ ได้ในสัปดาห์แรก เนื่องจากรัฐบาลสหรัฐฯ จำเป็นต้องเก็บวัคซีนส่วนที่เหลือเพื่อเป็นหลักประกันว่า จะมีวัคซีนโดสที่ 2 ฉีดให้กับผู้ป่วยในอีก 21 วันข้างหน้า
ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า รัฐบาลสหรัฐฯ มีความพยายามกดดันกระบวนการอนุมัติวัคซีนโควิด-19 โดยหนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์ รายงานอ้างแหล่งข่าวว่า นายมาร์ค มีโดว์ หัวหน้าคณะทำงานประจำทำเนียบขาว เป็นฝ่ายโทรศัพท์ไปกดดัน ดร.สตีเฟ่น ฮาห์น ให้อนุมัติวัคซีนภายในเมื่อวานนี้ (11 ธ.ค.) ไม่เช่นนั้นก็ควรเขียนใบลาออกไว้ได้เลย แต่ดร.ฮาห์น ปฏิเสธกระแสข่าวดังกล่าว
สหรัฐฯ เป็นประเทศที่ 6 ในโลกที่อนุมัติวัคซีนโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์และไบโอเอ็นเทค หลังจากอังกฤษ บาห์เรน แคนาดา ซาอุดีอาระเบียและเม็กซิโก
การอนุมัติใช้งานวัคซีนโควิด-19 เป็นความหวังที่จะหยุดยั้งจำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ในสหรัฐฯ ที่ถือว่ามากที่สุดในโลกและกำลังเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันสหรัฐฯ มีผู้ป่วยโควิด-19 สะสมอยู่ที่กว่า 16.2 ล้านคน ส่วนผู้เสียชีวิตทะลุ 300,000 คนไปแล้ว โดยเมื่อวานนี้วันเดียวมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นกว่า 2,700 คน
