จำนวนประชาชนกลุ่มเป้าหมายฉีดวัคซีนกลุ่มแรก ที่เปิดให้ลงทะเบียนผ่านหมอพร้อมเมื่อวันที่ 1 พ.ค. 2564 ที่ผ่านมาพบว่าจังหวัดที่ประชาชนลงทะเบียนมากที่สุดรองจากกรุงเทพมหานคร คือ จ.ลำปาง 223,976 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 70 – 80 ของประชากรผู้สูงวัยและผู้ป่วย 7 กลุ่มโรค ของพื้นที่
workpointTODAY ชวนถอดบทเรียนว่าอะไรที่ทำให้ประชาชนชาว จ.ลำปาง มีความเชื่อมั่นในการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในขณะที่ยังมีประชาชนจำนวนไม่น้อยกังวลเรื่องประสิทธิภาพและผลข้างเคียงของวัคซีน จะเห็นได้จากยอดรวมการลงทะเบียนรับวัคซีนกลุ่มนี้ทั้งประเทศที่ยังเหลือโควตามากถึง 14 ล้านคน จากเป้าหมาย 16 ล้านคน
นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง เปิดเผย ว่าตัวเลขผู้ลงทะเบียนรับวัคซีนรอบแรกของ จ.ลำปาง กว่า 2 แสนรายนี้ เป็นเป้าหมายที่ถูกกำหนดไว้ตั้งแต่แรก พร้อมเผยขั้นตอนการทำงานหลังทราบแผนการกระจายวัคซีนของรัฐบาล โดยทางจังหวัดหารือเรื่องนี้มาตลอด โดยแบ่งออกเป็น 5 ขั้นดังนี้
-
ตั้งเป้าจำนวนผู้รับวัคซีน สร้างภูมิคุ้มกันหมู่ในจังหวัด
นายณรงค์ศักดิ์ กล่าวว่า การจะสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้ต้องฉีดวัคซีนให้ประชาชน 70 เปอร์เซ็นต์ จ.ลำปาง มีประชากร 7.4 แสนคน ดังนั้นต้องฉีดให้ได้ 5 แสนคน แต่จากจำนวนวัคซีนที่มีทำให้เราไม่สามารถฉีดให้ครบตามเป้าหมายนี้ได้
แผนการรับวัคซีนจึงใช้วิธีแบ่งเป็นรอบ โดยแรก คือ กลุ่มผู้สูงอายุและผู้มีโรคประจำตัว ซึ่งทั้งจังหวัดมีจำนวน 2.5 แสนคน และรอบที่สอง จะเป็นกลุ่มประชาชนทั่วไปอีก 3 แสนคน แต่ในกรณีนี้จะต้องไม่มีการรับโรคจากนอกพื้นที่เข้ามา ส่วนประชาชนที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนอีก 2 แสนคนที่เหลือจะเป็นคนที่มีความเสี่ยงน้อยไม่ได้ออกจากบ้านหรือพบปะผู้คน หากทำได้สำเร็จจะทำให้ จ.ลำปางเป็นพื้นที่ปลอดโรค และสามารถเปิดการท่องเที่ยวได้ เศรษฐกิจจะขับเคลื่อนได้
แผนดังกล่าว คำนึงถึงศักยภาพในการฉีดของทีมสาธารณสุขด้วย โดยพบว่าที่ผ่านมาฉีดได้สูงสุดวันละ 5,000 โดสต่อวัน และสามารถเพิ่มได้เต็มที่ 6,000 โดสต่อวัน ทำให้ใน 1 เดือน จะฉีดได้ราว 1.8 แสนโดส จึงกำหนดล็อตแรกไว้ 2 แสนคน
-
รณรงค์สร้างความเข้าใจ ใช้ข้อเท็จจริงสื่อสารกับประชาชน
ผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์ บอกอีกว่า การจะทำให้คนลงทะเบียนได้ตามเป้า 2 แสนคนนับเป็นเรื่องยาก เพราะคนกลัวการฉีด เนื่องจากที่ผ่านมา จ.ลำปาง มีข่าวเรื่องผลข้างเคียงจากการฉีดในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์
“การสื่อสารจึงเน้นใช้ความจริง คือ บอกไปว่าเราฉีดกี่คน แพ้กี่คน แพ้หนักไหม แพ้ทั่วไปกี่คน อาการเป็นอย่างไรบ้าง เราไม่เคยปฏิเสธเลย จะเห็นว่าเราแถลงข่าวชี้แจงว่าเราแพ้กี่คนที่มีอาการคล้ายอัมพฤกษ์ชั่วคราว เราฉีดไปกี่คนให้เห็นว่าเมื่อเทียบกับคนที่แพ้ถือว่าน้อยมาก”
และสิ่งที่สร้างความตระหนักให้คนลำปางอีกเรื่อง คือการสื่อสารถึงสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต เช่น เกิดวิกฤตการแพร่ระบาดที่หนักกว่านี้ แล้วไม่มียารักษา ไม่มีวัคซีน หากถึงเวลานั้นยังไม่ได้ฉีดผลที่ตามมาจะรุนแรงกว่านี้
“แม้ว่าวันนี้ผู้ป่วยในลำปางมีตัวเลขแค่ 2 หลัก เราไม่ต้องใช้โรงพยาบาลสนาม แต่หากสถานการณ์อีก 2 เดือนข้างหน้าถ้าวิกฤตกว่านี้ แล้วไม่มีวัคซีนเหลือจะทำอย่างไร หากติดเชื้อขึ้นมาอาการจะรุนแรง จะปล่อยให้พ่อแก่แม่เฒ่าของเรานอนป่วยตายไปหรือ ซึ่งเราทนไม่ได้หรอก เราจึงรณรงค์ให้คนเห็นว่าการขอฉีดวัคซีนได้ ยังดีกว่าไม่มีวัคซีนให้ฉีดในวันข้างหน้า”
นอกจากนี้ยังสร้างหลักประกันในการฉีด คือ ทุกคนจะได้รับการดูแลอย่างดีจาก แพทย์ พยาบาล จะไม่มีการฉีดนอกสถานที่เด็ดขาด
“ที่สำคัญต้องใช้ภาษาที่ชาวบ้านเข้าใจมากที่สุด โดยอาศัยการทำงานของ อสม. เคาะประตูบ้าน ให้ความรู้กับประชาชน อย่างผู้ว่าฯ เองก็รับปากจะดูแลทำให้ประชาชนเชื่อใจมากที่สุด”
-
โปรแกรม “ลำปางพร้อม” เพิ่มช่องทางลงทะเบียนถึงบ้าน
ปัญหาการเข้าถึงเทคโนโลยีของกลุ่มผู้สูงวัย เป็นอุปสรรค์หนึ่งที่ทำให้คนลงทะเบียนน้อย จ.ลำปาง ได้สร้างโปรแกรมหนึ่งขึ้นมาเพื่อรองรับเรื่องนี้ นั่นคือ “ลำปางพร้อม” ให้ อสม. นำไปใช้ในการลงพื้นที่เคาะประตูบ้าน สำรวจผู้ต้องการลงทะเบียน และบันทึกข้อมูลรวบรวมไว้ จากนั้นเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลจะนำข้อมูลในระบบนี้มาลงใน “หมอพร้อม” ให้ จากตัวเลขที่เห็น 2 แสนกว่ารายพบว่ามาจาก “ลำปางพร้อม” ถึง 90 เปอร์เซ็นต์
นอกจากนี้ยังมี Call center 12 คู่สาย สำหรับให้คำปรึกษาการฉีด ข้อมูลวัคซีน สำหรับคนที่ยังไม่เข้าใจ และช่วยลงทะเบียนให้ โดยจะเปิดตั้งแต่ 8 โมงเช้า ถึงเที่ยงคืน
-
ทำนัดหมายฉีดวัคซีน เตรียมพร้อมก่อนฉีด
เมื่อได้กำหนดวัดนัดหมายอย่างเป็นทางการจากกระทรวงสาธารณสุขแล้ว อสม. ก็จะลงไปคุยถึงการเตรียมความพร้อมก่อนฉีดวัคซีน และช่วยเหลือในการเดินทางมาฉีดที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน ทำให้การฉีดจะไม่ตกหล่น
-
เตรียมแผนล่วงหน้าสำหรับการฉีดอีก 3 แสนคน ในรอบต่อไป
เมื่อฉีด 2 แสนคนประสบความสำเร็จ จะเดินหน้าอีก 3 แสนคนที่เหลือ ตามเป้าให้ครบ 5 แสน ให้ได้ตามเป้า เพื่อให้ครบ 70 เปอร์เซ็นต์ของประชาการ จ.ลำปาง ซึ่งต้องวางแผนล่วงหน้า อย่างแผนรอบนี้ ทางจังหวัดเริ่มทำตั้งแต่กลาง เม.ย. 2564 ทำให้ทุกภาคส่วนมีความพร้อมและทำงานออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเราเหนื่อยมากครับช่วง 10 วันที่ผ่านมา แต่ผลที่ได้รับ ก็ถือว่าคุ้มเหนื่อย” นายณรงค์ศักดิ์ กล่าว ทิ้งท้าย











