นักวิจัยในสิงคโปร์ตรวจพบความเป็นไปได้ที่หุ่นยนต์เครื่องดูดฝุ่นอาจถูกดัดแปลงเป็นไมโครโฟนสำหรับดักฟังคนในบ้าน ชี้อุปกรณ์ในบ้านมีความเสี่ยงถูกใช้เป็นเครื่องมือขโมยข้อมูล
วันที่ 7 ธ.ค. 2563 มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ (NUS) ออกรายงานสรุปผลการวิจัยที่นำโดยผู้ช่วยศาสตราจารย์จุน ฮัน (Jun Han) แห่งภาควิชาวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ ร่วมกับนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแมรีแลนด์ ซึ่งทำการศึกษาหุ่นยนต์เครื่องดูดฝุ่นที่นิยมใช้ตามบ้าน แล้วพบว่าหุ่นยนต์เหล่านี้อาจถูกผู้ไม่หวังดีแฮ็กจนกลายเป็นเครื่องดักฟังได้
งานวิจัยระบุว่า หุ่นยนต์เครื่องดูดฝุ่นที่ใช้เทคโนโลยีไลดาร์ (Lidar) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีแสงสำหรับวัดระยะเส้นทาง อาจถูกผู้ไม่หวังดีเข้าไปดัดแปลงให้เทคโนโลยีดังกล่าวเป็นไมโครโฟน สำหรับดักฟังผู้ที่อาศัยอยู่ในบ้านได้
ทีมวิจัยได้ทดสอบด้วยการเปิดเสียงนับเลขจากคอมพิวเตอร์ พร้อมๆ กับเสียงดนตรีที่ดังจากโทรทัศน์เป็นเวลา 19 ชั่วโมง ทิ้งไว้กับหุ่นยนต์เครื่องดูดฝุ่นที่ถูกดัดแปลงแล้ว และนำเสียงที่เครื่องดูดฝุ่นบันทึกไว้ได้มาเข้าสู่ระบบอัลกอริทึ่ม พบว่าสามารถแยกเสียงที่แตกต่างกันได้อย่างชัดเจน

ทีมวิจัยระบุว่า การทดลองในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่า ผู้ไม่หวังดีอาจเก็บข้อมูลเสียงจากหุ่นยนต์เครื่องดูดฝุ่นไปวิเคราะห์ โดยตัวเลขที่ได้ยินนั้นอาจเป็นเลขที่บัญชีหรือเลขบัตรเครดิต ขณะที่เสียงดนตรีที่ทีมวิจัยทดลองเปิดจากโทรทัศน์เป็นตัวอย่างที่สะท้อนให้เห็นว่า คนร้ายอาจนำเสียงที่ได้ไปศึกษาว่า เป้าหมายมีรสนิยมอย่างไร
นักวิจัยจากสิงคโปร์ชี้ว่า การศึกษาในครั้งนี้ทำให้เห็นได้ถึงความเสี่ยงที่อุปกรณ์ภายในบ้านอาจถูกใช้เพื่อการสอดแนมได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวโน้มที่อุปกรณ์เหล่านี้ในอนาคตจะมีเทคโนโลยีที่ฉลาดและเชื่อมต่อกับโลกภายนอกมากขึ้น เช่นเดียวกับเทคโนโลยีไลดาร์ที่กำลังถูกนำไปพัฒนากับรถยนต์ไร้คนขับที่อาจมีความเสี่ยงถูกดักฟังได้ในลักษณะเดียวกัน










