‘เวียดนาม’ สวนทาง ประเทศในอาเซียน ไม่ตื่นทองเหมือนที่อื่น

หลังจากที่ราคาทองคำทั่วโลกพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ล่าสุดราคาทองคำในตลาดโลกทะลุเลย 4,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ เป็นครั้งแรก เพิ่มขึ้นเกือบ 50% ภายในปีเดียว

ที่น่าสนใจก็คือ ถ้าเจาะลึกลงมาในแต่ละประเทศของอาเซียน จะเห็นว่าบริษัทต่างๆ กำลังเร่งขยับตัว เพื่อคว้าโอกาสจากกระแสความต้องการทองคำที่พุ่งแรงราวกับเกิด “การตื่นทอง” รอบใหม่ในภูมิภาคนี้

[ ทองคำกลับมาเป็นสินทรัพย์ดาวเด่นในสิงคโปร์ ]

อย่างในสิงคโปร์มีหนึ่งในผู้ที่เกาะกระแสนี้ทันทีคือ Singapore Mint หน่วยงานในเครือบริษัท Sembcorp Industries ซึ่งเพิ่งเปิดตัวผลิตภัณฑ์ทองแท่งระดับการลงทุน (investment-grade bullion) ภายใต้ชื่อ “Lion Bullion”

โดยทองแท่งรุ่นนี้มีลาย “หัวสิงโต” เป็นสัญลักษณ์ของเมืองแห่งสิงโตหรือสิงคโปร์ ผลิตในหลายขนาดตั้งแต่ 1 กรัม ถึง 1 กิโลกรัม โดยแต่ละแท่งมีหมายเลขประจำตัวเฉพาะและลงทะเบียนแบบดิจิทัล ผู้ซื้อสามารถเก็บทองไว้ในตู้นิรภัยและทำการซื้อขายผ่านระบบออนไลน์ได้โดยตรง

[ อินโดนีเซียเปิดเหมืองทองขนาดใหญ่ รับดีมานด์ทั่วโลก ]

ขณะเดียวกัน ฝั่งประเทศอินโดนีเซียซึ่งเป็นผู้ผลิตทองรายใหญ่อันดับ 8 ของโลก ก็เร่งเดินหน้าโครงการใหม่ๆ ของอุตสาหกรรมทองคำ มีการเริ่มดำเนินงานที่เหมืองทอง Pani Gold Project จังหวัด Northern Sulawesi ซึ่งถือเป็นหนึ่งในเหมืองทองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ

ในระยะแรก เหมืองแห่งนี้จะมีกำลังการผลิตประมาณ 140,000 ออนซ์ต่อปี จากปริมาณแร่ที่ผ่านการแปรรูป 7 ล้านตันต่อปี

ส่วนในเฟสถัดไป Merdeka Copper Gold บริษัทรับผิดชอบโปรเจกต์มีแผนสร้างโรงงานใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการแปรรูป และตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 12 ล้านตันต่อปีภายในปี 2030 ซึ่งอาจผลิตทองได้สูงสุดถึง 500,000 ออนซ์ต่อปี

และ Aneka Tambang บริษัทเหมืองทองของรัฐ ก็ยังอยู่ระหว่างพิจารณาซื้อที่ดินเพิ่มใน 3 พื้นที่ศักยภาพ ได้แก่ North Sumatra, East Java และ Bogor (West Java) ซึ่งเป็นเหมืองหลักเดิมที่มีกำลังการผลิตราว 1 ตันต่อปี

โดยทองคำในอินโดนีเซียถือว่านิยมมากๆ ถึงขนาดที่ว่าธนาคารอิสลามของรัฐ (Bank Syariah Indonesia) จับมือกับผู้ผลิตทอง Hartadinata Abadi เปิดตัวทองแท่งแบบ “ผ่อนชำระได้” โดยข้อมูลของธนาคารเผยว่า ยอดขายทองผ่านแอปพลิเคชันมือถือของธนาคารในช่วงเดือนมกราคม–กันยายน ปี 2568 นี้เพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่า YoY% คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 1.7 ล้านล้านรูเปียห์ หรือราวๆ 53,125 ล้านบาท

[ ไทยและภูมิภาคหนุนดีมานด์ทองพุ่งแรง ]

สำหรับประเทศไทย บริษัทเหมืองทองจากออสเตรเลีย Kingsgate Consolidated ตั้งเป้าว่าจะผลิตทองจาก เหมืองชาตรี ได้ 85,000–95,000 ออนซ์ ภายในปีงบประมาณที่สิ้นสุดเดือนมิถุนายน 2026 เพิ่มขึ้นจาก 75,000 ออนซ์ ในปีก่อนหน้า

ขณะที่รายงานจาก World Gold Council (WGC) ชี้ว่า การลงทุนในทองแท่งและเหรียญทองในภูมิภาคอาเซียนเติบโตอย่างก้าวกระโดดในไตรมาส 2 ปี 2025 (เม.ย.–มิ.ย.) อาทิ

- - - ไทย เพิ่มขึ้น 38%
    - สิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 37%
    - อินโดนีเซีย เพิ่มขึ้น 29%
    - มาเลเซีย เพิ่มขึ้น 25%

โดยค่าเฉลี่ยทั่วโลกเพิ่มขึ้น 11%

WGC อธิบายว่า ปัจจัยสำคัญมาจากความผันผวนของค่าเงินในแต่ละประเทศ ซึ่งทำให้นักลงทุนหันมาซื้อทองคำมากขึ้น เพื่อใช้เป็น เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากค่าเงิน

[ เวียดนามสวนทาง ความต้องการทองลดลง 20% หลายไตรมาสติด ]

อย่างไรก็ตาม ขณะที่ประเทศอื่นๆ ในอาเซียนเร่งลงทุนซื้อทอง แต่มีอีกประเทศที่สวนทาง นั่นก็คือ ‘เวียดนาม’ โดยความต้องการทองคำในประเทศ ลดลงถึง 20% นับเป็นการลดลงต่อเนื่องเป็น ไตรมาสที่ 4 ติดต่อกัน

โดยรายงานของ World Gold Council (WGC) ระบุว่าสาเหตุหลักที่เวียดนามมีความต้องการทองน้อยเพราะ ปริมาณทองคำในตลาดมีจำกัด ทำให้นักลงทุนเข้าถึงได้ยาก และต้องซื้อในราคาที่สูงกว่าปกติ ส่งผลให้ดีมานด์โดยรวมลดลง

ที่มา :