
สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ยอดผู้ติดเชื้อยังพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด 9,720 คน เสียชีวิตแล้ว 213 ราย ขณะที่ อินเดีย และ ฟิลิปปินส์ มีรายงานพบผู้ติดเชื้อรายใหม่
วันที่ 31 ม.ค.2563 เวลา 08.00 น. คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีน รายงานผ่านเว็บไซต์ Sina ว่าล่าสุดพบผู้ป่วยโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (2019-nCoV) ในประเทศจีน อยู่ที่ 9,720 คน เสียชีวิตแล้ว 213 คน รักษาหาย 171 ราย เฝ้าระวัง 15,238 ราย แพร่ระบาดใน 20 ประเทศ และอีก 4 เขตปกครองพิเศษของจีน ดังนี้
-จีน ติดเชื้อ 9,720 คน เสียชีวิตแล้ว 213 ราย และรักษาหาย 171 คน
-ไทย ติดเชื้อ 14 ราย รักษาหายแล้ว 6 คน
-ญี่ปุ่น ติดเชื้อ 13 ราย รักษาหายแล้ว 1 คน
-สิงคโปร์ ติดเชื้อ 13 ราย
-ฮ่องกง ติดเชื้อ 12 ราย
-ไต้หวัน ติดเชื้อ 9 ราย
-ออสเตรเลีย ติดเชื้อ 9 ราย รักษาหายแล้ว 2 คน
-มาเลเซีย ติดเชื้อ 8 ราย
-มาเก๊า ติดเชื้อ 7 ราย
-เกาหลีใต้ ติดเชื้อ 7 ราย
-ฝรั่งเศส ติดเชื้อ 6 ราย
-สหรัฐอเมริกา ติดเชื้อ 6 ราย
-เยอรมนี ติดเชื้อ 5 ราย
-เวียดนาม ติดเชื้อ 5 ราย
-สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ติดเชื้อ 4 ราย
-แคนาดา ติดเชื้อ 3 ราย
-อิตาลี ติดเชื้อ 2 ราย
-กัมพูชา ติดเชื้อ 1 ราย
-เนปาล ติดเชื้อ 1 ราย
-ทิเบต ติดเชื้อ 1 ราย
-ศรีลังกา ติดเชื้อ 1 ราย
-ฟินแลนด์ ติดเชื้อ 1 ราย
-อินเดีย ติดเชื้อ 1 ราย
-ฟิลิปปินส์ ติดเชื้อ 1 ราย
รวมติดเชื้อ 9,850 ราย
รวมตาย 213 ราย
รวมนอกพรมแดนจีน 130 ราย

ในส่วนของการอพยพประชาชนพลเมืองของแต่ละประเทศที่อาศัยอยู่ในประเทศจีน รวมถึงชาวจีนที่ตกค้างในประเทศต่างๆ ผลมาจากเที่ยวบินถูกยกเลิก หรือ ถูกไม่ให้เข้าประเทศบ้างนั้นทางการจีนเตรียมอนุมัติเครื่องบินเช่าเหมาลำ เพื่อนำชาวเมืองอู่ฮั่น ที่ไปตกค้างอยู่ในต่างประเทศกลับบ้าน โดยจะนำเฉพาะผู้โดยสารที่ผ่านการตรวจร่างกายแล้ว กลับมาก่อนเป็นชุดแรก
ขณะที่ เกาหลีใต้เตรียมส่งเครื่องบิน 4 เที่ยวบินไปอพยพพลเมืองของตัวเอง ราว 700 คนออกจากเมืองอู่ฮั่น และจะนำไปกักตัวไว้ตามมาตรการป้องกันสากลเป็นเวลา 14 วัน เพื่อรอดูอาการว่าติดเชื้อหรือไม่ ส่วนอินโดนีเซีย เตรียมอพยพพลเมืองจำนวน 243 คน ออกจากเมืองอู๋ฮั่น ในเร็ว ๆ นี้ เช่นกัน ขณะที่ สิงคโปร์ ส่งเครื่องบินไปรับพลเมืองจำนวน 92 คน เดินทางถึงสิงคโปร์แล้ว เมื่อวานนี้ โดยขณะนี้ผู้โดยสารรวมนักบินและพนักงานต้อนรับทั้งหมด อยู่ระหว่างถูกกักบริเวณเพื่อตรวจร่างกายตามมาตรฐานสาธารณสุขเป็นเวลา 14 วัน

วานนี้(30 ม.ค. 63) ทางการอิตาลีกักเรือสำราญลำหนึ่งพร้อมกับผู้โดยสารราว 6,000 คน ที่แล่นมาจากสเปน หลังพบหญิงชาวจีนวัย 54 ปีรายหนึ่ง ต้นทางมาจากมาเก๊า หลังมีไข้และหายใจลำบาก จึงถูกส่งตัวให้แพทย์ประจำเรือไปตรวจอาการ และเบื้องต้นเธอมีอาการป่วยเป็นโรคปอดบวมอยู่ระหว่างรอผลยืนยันว่ามีสาเหตุจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่หรือไม่ ล่าสุดเช้านี้ ผลการตรวจพบว่าเป็นลบ ไม่ได้ติดเชื้อ ได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระแล้ว
ในขณะเช้านี้เวลา 7.00 น. (31 ม.ค. 2563) มีรายงานว่ารัฐบาลอิตาลีได้สั่งระงับทุกเที่ยวบินทุกเที่ยวที่มีเส้นทางระหว่างอิตาลีกับจีนแล้ว หลังพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2 รายแรกของประเทศ เป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนเป็นสามีภรรยากัน และตอนนี้ถูกกักกันโรคอยู่ในโรงพยาบาล ทำให้ยอดประเทศที่มีผู้ติดเชื้อนอกจากในจีน และ เพิ่มอิตาลีเป็นประเทศล่าสุดที่พบผู้ติดเชื้อ

ล่าสุด นักวิจัยจีนพบตัวยา 3 ชนิด ยับยั้งไวรัสโคโรนาได้ค่อนข้างดี โดยวานนี้ (30 ม.ค.63) หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นในมณฑลหูเป่ย์รายงานว่า คณะนักวิจัยชาวจีนค้นพบตัวยาที่มีใช้อยู่ในปัจจุบัน จำนวน 3 รายการ ที่อาจจะสามารถออกฤทธิ์ยับยั้งไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในระดับเซลล์ได้ค่อนข้างดี ปัจจุบันยาทั้งหมดอยู่ในขั้นตอนสำคัญเพื่อรอการอนุมัติการใช้รักษาพยาบาล ตัวยาทั้ง 3 ชนิดดังกล่าว เป็นตัวยาที่เคยใช้รักษาโรคอีโบลา โรคมาลาเรีย และ โรคติดเชื้ออะมีบา การค้นพบครั้งนี้เป็นความร่วมมือจากคณะนักวิจัยสถาบันวิทยาศาสตร์การแพทย์ทหารของจีน และ สถาบันไวรัสวิทยาอู่ฮั่น

แจ๊คหม่า ผู้ก่อตั้งบริษัทอาลีบาบา
ด้านเรื่องการจัดสรรงบประมาณในการสกัดเชื้อไวรัสของจีนนั้น ทางกระทรวงการคลังของจีนเปิดเผยว่าจนถึงวันที่ 29 ม.ค. ที่่ผ่านมา มีการจัดสรรงบประมาณ เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาไปแล้วทั้งสิ้น ประมาณ 121,500 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน นาย แจ็ค หม่า ผู้ก่อตั้งบริษัทอาลีบาบา เตรียมให้ความช่วยเหลือรัฐบาลตนเอง ด้วยการสนับสนุนเงินผ่านกองทุนของเขาเป็นเงิน 1 พันล้านหยวน(4500 บาท) ช่วยด้านเวชภัณฑ์ที่ขาดแคลนทุกอย่าง และ อีก 100 ล้านหยวน (ประมาณ 450 ล้านบาท) สนับสนุนด้านการวิจัยทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ที่จำเป็นต่อการพัฒนาวัคซีนและยาตัวใหม่ รวมถึง ประกันสุขภาพวงเงินคุ้มครองสูงสุด 500,000 หยวน (ประมาณ 2 ล้านบาท) สำหรับเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ที่ทำงานในแนวหน้าทั่วประเทศ
โดยมีเศรษฐีระดับโลก และ บริษัทต่างๆอีกหลายแห่ง ทั้งในจีน และ นานาชาติ อย่างเช่น บิล เกต และ บริษัท Apple ร่วมบริจาคด้วย รวมแล้วร่วมๆมากกว่า 6000 ล้านบาทแล้ว









