วันที่ 9 มิ.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมคณะรั

วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ภาพจากเฟซบุ๊ก Wanchalearm Satsaksit
“ก็หนีน่ะ ก็ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน คราวนี้เขาไปทำอะไรเราก็ไม่

เมื่อถามถึงการช่วยเหลือครอ
เมื่อถามว่ามีการหารือกับ พล.อ.เตีย บันห์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กัมพูชา หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า ยังไม่มี แต่ในส่วนกระทรวงการต่างประ

ถามว่ากังวลจะเป็นน้ำผึ้งหย

ส่วนที่ห้องแถลงข่าวอาคารรัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.พรรคก้าวไกล ในฐานะโฆษก คณะ กมธ. การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน และคณะ ส.ส.พรรคก้าวไกล รับยื่นหนังสือจาก น.ส.สิตานัน สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ พี่สาวของนายวันเฉลิม ที่เรียกร้องให้ คณะ กมธ. ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลถึงการดำเนินการสืบหาข้อเท็จจริงถึงข้อมูลเกี่ยวกับการหายตัวไป เพื่อนำตัวนายวันเฉลิมกลับมาอย่างปลอดภัย และขอขอบคุณสื่อมวลชน และประชาชนทุกคนที่ได้ตื่นตัวและช่วยทำให้เรื่องการหายตัวไปของนายวันเฉลิมเป็นที่สนใจ จนเกิดปรากฎการณ์ติดเทรนด์ทวิตเตอร์
นายรังสิมันต์ กล่าวภายหลังรับหนังสือว่า พรรคก้าวไกลจะใช้กลไกของรัฐสภา เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมในประเด็นดังกล่าว นอกจากนี้ในฐานะประชาชนคนหนึ่ง ขอเรียกร้องให้รัฐบาลเข้ามาดูแลกรณีนี้อย่างใกล้ชิด ไม่ว่านายวันเฉลิมจะอยู่ในสถานะอะไร จะเป็นผู้ต้องหา ผู้ลี้ภัย ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม นายวันเฉลิมถือเป็นประชาชนชาวไทย กรณีนี้ได้ปรากฏภาพชัดจนว่าได้ถูกกลุ่มบุคคลอุ้มหายไป รัฐบาลต้องมีท่าทีหรือแสดงความพยายามมากกว่านี้ ในการที่จะตามหาตัว และในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ส.ส. พรรคก้าวไกล จะตั้งกระทู้ถามสด ถามนายกรัฐมนตรี ในประเด็นนี้ จึงขอเรียนถึงนายกรัฐมนตรีผ่านสื่อมวลชนว่า หากให้ความสำคัญกับความปลอดภัย และสวัสดิภาพของประชาชนชาวไทย อยากให้นายกรัฐมนตรีมาตอบกระทู้สดในสภาผู้แทนราษฎรด้วยตนเอง
ในส่วนของคณะ กมธ. จะนำหนังสือร้องเรียนที่ได้รับในเสนอเข้าที่ประชุมในวันพรุ่งนี้ (10 มิ.ย.) และคาดว่าประเด็นนี้จะถูกนำมาพิจารณาในสัปดาห์หน้า ประเด็นสุดท้ายคือ ในสัปดาห์หน้าพรรคก้าวไกล จะผลักดันร่าง พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย ที่ภาคประชาชนและองค์กรสิทธิมนุษยชนได้ร่วมกันยกร่างขึ้นมา ซึ่งได้ยื่นต่อคณะ กมธ. มาแล้วตั้งแต่เมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ดังนั้นร่างกฎหมายนี้จะนำเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร ผ่านคณะ กมธ.
ทั้งนี้ หากเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรแล้ว อยากจะเชิญชวนเพื่อนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากทุกพรรคการเมือง ให้ความเห็นชอบในร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว เพราะถ้ากฎหมายฉบับนี้บังคับใช้ได้จะเป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งในการป้องกันไม่ให้กรณีแบบนี้เกิดขึ้นได้อีก










