ตัวเลขผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงยังคงเพิ่มสูงขั้นต่อเนื่อง กว่า 70% เป็นเคสในยุโรป ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลเรื่องประสิทธิภาพของวัคซีน
ดร.เท็ดรอส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก (WHO) เปิดเผยระหว่างการแถลงต่อสื่อมวลชนประจำวันที่ 27 ก.ค. 2022 ว่า ทาง WHO ได้รับรายงานยืนยันจำนวนผู้ป่วยโรคฝีดาษลิง (Monkeypox) เข้ามาแล้วกว่า 18,000 ราย จาก 78 ประเทศ โดยกว่า 70% ของผู้ป่วยมาจากภูมิภาคยุโรป และ 25% มาจากภูมิภาคอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้
ตัวเลขล่าสุดที่ออกมา คาดว่าเพิ่มสูงขึ้นจากเมื่อ 4 วันก่อน (23 ก.ค.) ตอนที่ WHO ประกาศให้โลกฝีดาษลิงเป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ ราว 2,000 ราย
จนถึงตอนนี้ มีรายงานผู้เสียชีวิตเข้ามาแล้ว 5 ราย และมีอัตราเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลราว 10%
แม้ว่าผู้ป่วยถึง 98% จะอยู่ในกลุ่มผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายด้วยกัน แต่ทางดร.เท็ดรอสย้ำว่า ใครก็ตามที่สัมผัสอย่างใกล้ชิดกับผู้ป่วยก็สามารถรับเชื้อได้ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ WHO ประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงในการที่เชื้อจะแพร่ไปสู่กลุ่มเปราะบาง รวมถึงเด็ก สตรีมีครรภ์ และผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง
นอกจากการติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์แล้ว โรคฝีดาษลิงยังสามารถติดได้ผ่านการสัมผัสใกล้ชิดอื่นๆ เช่นการกอดและการจูบ รวมไปถึงการใช้ผ้าเช็ดตัวหรือเตียงร่วมกันกับผู้ติดเชื้ออีกด้วย
สำหรับในตอนนี้ WHO ยังไม่แนะนำให้ใช้วิธีกระจายฉีดวัคซีนในวงกว้าง โดยยังไม่มีข้อมูลที่เพียงพอเกี่ยวกับประสิทธิภาพและจำนวนโดสที่ต้องฉีด แต่แนะนำให้ฉีดวัคซีนแบบเฉพาะเจาะจงไปในกลุ่มเสี่ยง เช่น บุคลากรสาธารณสุข ผู้ที่ปฏิบัติงานในห้องแล็บ และผู้ที่มีคู่นอนหลายคน
โดยวัคซีนโรคฝีดาษ (Smallpox) ชนิด MVA-BN ที่ได้รับการอนุมัติให้ใช้ป้องกันโรคฝีดาษลิงในสหรัฐฯ แคนาดา และสหภาพยุโรปนั้น ปัจจุบันทั่วโลกมีอยู่ราวๆ 16 ล้านโดส แต่ส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับการจัดแบ่งเข้าไปในขวด ซึ่งอาจต้องใช้เวลาหลายเดือนในการทำให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน










