กำลังเป็นที่จับตามองแบบสุดๆ กับศิลปินไอดอลทั้ง 16 คน จากค่าย ‘XEBIS Entertainment’ บริษัทพัฒนาศิลปินน้องใหม่ไฟแรง ที่จะมาสร้างสีสันให้กับวงการบันเทิงไทย
พร้อมคอนเทนต์แบบตรงใจ Zalpha Generation (Z + Alpha) ภายใต้แนวคิด “MAKE POP HISTORY” จุดไฟให้วงการไอดอลไทยเข้าสู่บทใหม่อย่างน่าจับตามอง
TODAY Play ก็ไม่พลาดที่จะชวน อิ๊น, โญฮวัน และ พอตเตอร์ 3 ตัวแทนจากค่าย ‘XEBIS’ มาร่วมพูดคุย ถึงจุดเริ่มต้นกับการก้าวเข้าสู่ XEBIS รวมไปถึงความท้าทายในบทบาทของ All Rounder และมุมมองของวงการศิลปินไอดอลในปัจจุบัน

Q : จุดเริ่มต้น แต่ละคนก้าวเข้ามาสู่ XEBIS ได้อย่างไร
อิ๊น มาธวี : จุดเริ่มต้นของ อิ๊น คือมีผู้ใหญ่ติดต่อเข้ามา และได้พูดคุยกันว่า จะเกิดค่าย XEBIS ขึ้น และในค่ายนี้จะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง จนได้มีโอกาสมาซ้อมกับน้องๆ และกลายมาเป็น ‘อิ๊น XEBIS’ จนทุกวันนี้ค่ะ
โญฮวัน คิม : สำหรับผมก็ เรียนเต้นอยู่ที่ B House Studio ครับ เป็นจังหวะพอดีที่มีการเปิดออดิชั่น พี่ๆ เลยชวนผมให้มาลองออดิชั่นดู แล้วตอนนั้นผมก็พยายามหาค่ายอยู่ด้วยครับ เลยได้กลายมาเป็น ‘โญฮวัน XEBIS’ ครับ
พอตเตอร์ วสุ : พอตเตอร์ ก็เป็นนักศึกษาอยู่มหาวิทยาลัยธรรมดา แต่ว่ามี ทีมในค่ายทักผมมาว่า ให้ลองมาคุยเรื่องโปรเจกต์ XEBIS ผมก็เลยลองเข้ามาคุย และผมก็สนใจครับ ‘จนกลายมาเป็น พอตเตอร์ XEBIS ครับ’
Q : ตอน audition หรือเข้ามาฝึกใน XEBIS ครั้งแรก มีเหตุการณ์ไหนที่ทำให้รู้สึกว่า “นี่แหละคือที่ของเรา”
อิ๊น มาธวี : สำหรับ อิ๊น น่าจะเป็นเหตุการณ์ตอนที่ได้เจอน้องๆ ในคลาสแอคติ้งครั้งแรกค่ะ เพราะเวลา อิ๊น เจอใครเป็นครั้งแรก อิ๊น จะเป็นคนค่อนข้างขี้อายมากๆ
แต่ตอนที่ได้เห็น โญฮวัน ในคลาสแอคติ้ง ซึ่งเป็นคลาสที่ต้องละลายพฤติกรรมกัน การแสดงของ โญฮวัน ทำให้ อิ๊น คิดว่า ‘นี่แหละคือที่ของเรา’ เพราะน้องเป็นคนที่กล้าแสดงออกมากๆ ค่ะ (หัวเราะ)
โญฮวัน คิม : ของ โญฮวัน น่าจะเป็นตอนที่ทางค่ายทุกคนไปประชุมกันทั้งหมดเลยครับ พอผมได้เห็น พี่ๆ น้องๆ ทุกคนนั่งด้วยกัน แล้วก็มีผู้บริหารค่าย ‘พี่บาส’ มานั่งประชุมกับพวกเราด้วย ผมรู้สึกอบอุ่นดีมากเลยครับ ตอนนั้นก็รู้ได้ทันทีเลยว่า ‘ที่นี่คือที่ของเรา’ ครับ
พอตเตอร์ วสุ : ส่วนของผมน่าจะเป็นตอนที่ผมได้คุยกับตัวเอง และคุยกับคนที่สนิทใจ ในเรื่องสัญญาหรือว่าโปรเจกต์เหล่านี้เป็นอย่างไร ซึ่งพอผมได้ตัดสินใจกับตัวเองว่าจะลองทำดู ตอนนั้นแหละครับ ที่ผมรู้สึกว่า ‘นี่แหละคือที่ของผม’ เพราะผมตัดสินใจที่จะทำมันแบบ 100% แล้วครับ

Q : หลังได้เข้ามาสู่บ้าน XEBIS แล้วรู้สึกอย่างไรกันบ้าง
พอตเตอร์ วสุ : สำหรับผม รู้สึก ตลก สนุก และตื่นเต้นครับ มีอะไรให้ได้ท้าทาย หรืออะไรที่ผมไม่เคยเจอ และมีอะไรให้ทำตลอดทุกวันเหมือนสุ่มดวงว่าวันนี้จะเป็นอย่างไร (หัวเราะ)
อิ๊น มาธวี : อิ๊น รู้สึกแฮปปี้นะคะ เพราะ อิ๊น ได้มาเจอกับสภาพแวดล้อมใหม่ๆ และน้องๆ ทุกคนมีเอเนอร์จี้กันเยอะมาก เลยทำให้ อิ๊น รู้สึกว่าอยากจะสู้ และฝึกในหลายด้านไปพร้อมกับน้องๆ ค่ะ
โญฮวัน คิม : ผมรู้สึกว่าอบอุ่นครับ เวลาที่เราเจอเรื่องยากๆ ด้วยกัน แต่เมื่อผ่านเรื่องราวเหล่านี้ไปได้แล้ว ก็รู้สึกมีความสุขมากครับที่ได้มาอยู่ที่นี่
Q : พี่บาสผู้บริหารค่ายนิยามความเป็นศิลปินของ XEBIS ว่าเป็นการสร้าง All Rounder (คนที่เก่งรอบด้าน) แต่ถ้าให้พูดถึง 1 อย่างที่เรามั่นใจที่สุดคือสกิลด้านไหม
โญฮวัน คิม : สำหรับผมน่าจะเป็นเรื่อง ‘เต้น’ กับ ‘วาไรตี้’ ในเรื่องพูดและการสร้างความบันเทิงครับ คิดว่าเป็นสิ่งที่ผมทำได้ดีครับ
อิ๊น มาธวี : อิ๊น น่าจะเป็นด้าน ‘การร้อง’ และ ‘ตลกธรรมชาติ’ ค่ะ รู้สึกเป็นสิ่งที่ไม่สามารถสร้างได้ทันที แต่มันจะมาโดยที่คุณไม่รู้ตัวค่ะ (หัวเราะ)
พอตเตอร์ วสุ : ผมน่าจะเป็น ‘การปรับตัว’ กับ ‘ความพยายาม’ ครับ สมมติผมจะทำอะไรสักหนึ่งอย่าง ผมจะไม่ค่อยยอมแพ้ครับ
Q : ถ้าให้แต่ละคนลองนิยามคำว่า XEBIS ในแบบฉบับของตัวเอง คิดว่าเป็นอย่างไร
พอตเตอร์ วสุ : ตื่นเต้น สนุก และ crazy ครับ
อิ๊น มาธวี : Energy ไม่อ่อม บูส บูส (หัวเราะ)
โญฮวัน คิม : ตอนที่ผมได้ยินชื่อครั้งแรกรู้สึก หรูมากเลยครับ เพราะขึ้นต้นด้วยตัว X และเท่มากสำหรับผมนะครับ แต่พอมาอยู่กับทุกๆ คนแล้ว สนุก บ้า ระเบิด ไปเลยครับ (หัวเราะ)

Q : ทราบว่าน้องอิ๊นเคยเดบิวต์ในฐานะวงเกิร์ลกรุ๊ป การกลับมาในฐานะศิลปินของ XEBIS ครั้งนี้ มีความแตกต่างจากเดิมไปอย่างไรบ้าง มีสิ่งที่มั่นใจมากขึ้น หรือมีสิ่งที่กลัวบ้างไหม
อิ๊น มาธวี : สำหรับ อิ๊น คิดว่าไม่ได้แตกต่างมากค่ะ ก่อนหน้านี้สิ่งที่ อิ๊นทำก็คือเพอร์ฟอร์มทั้งการร้องและเต้น แต่ถ้าให้เลือกความแตกต่างจริงๆ น่าจะเป็นสกิลหลายๆ อย่างค่ะ เพราะการอยู่ใน XEBIS ไม่ได้แค่ร้องและเต้นอย่างเดียวแล้ว แต่มีด้านการแสดง การฝึกพูด สกิลการเป็นพิธีกร เพิ่มเข้ามาด้วยค่ะ
สิ่งนี้ทำให้ อิ๊น มั่นใจเรื่องการพูดมากขึ้น จากที่พูดไม่ค่อยเก่ง แถมยังติดไม่ค่อยรู้เรื่องด้วยซ้ำ แต่คิดว่าการที่เราปรับตัวและฝึกฝนไปเรื่อยๆ น่าจะเพิ่มความมั่นใจได้ค่ะ
และการได้มาทำงานเป็น XEBIS ทำให้เราพัฒนาสกิลการเป็นผู้นำด้วย จากเดิมที่เป็นน้องคนกลางของวง มีพี่ใหญ่คอยดู ถึงจะยังไม่เต็มร้อยแต่เชื่อว่า อิ๊น จะมั่นใจขึ้นเรื่อยๆ
Q : หลายคนเคยเห็น โญฮวัน ในบทบาทของหนัง วัยเป้ง2 มาแล้ว จากสายนักแสดงที่ต้องรับบทเป็นคนอื่น มาสู่ความเป็นไอดอลที่ต้องนำเสนอด้านที่ดีที่สุดของตัวเราเอง มีความยากและท้าทายตรงไหนบ้าง
โญฮวัน คิม : สำหรับผมมีทั้ง ‘ยาก’ และ ‘ง่าย’ เลยครับ เพราะการเป็นนักแสดงสำหรับผมต้องฝึกซ้อมเกี่ยวกับบทบาทและสวมบทบาทเป็นแบบใครสักคนนึงครับ
แต่การเป็นไอดอลเหมือนเราต้องนำเสนอตัวเอง ยิ่งผมเป็นคนที่ extrovert ด้วย ผมรู้สึกว่ามันง่ายมาก เพราะจริงๆ ในเรื่องวัยเป้ง2 ก็มีความเป็นตัวผมอยู่ในนั้นเหมือนกัน เลยทำให้พอก้าวมาเป็นไอดอลก็รู้สึกง่ายสำหรับผมในการที่นำเสนอตัวเอง
สำหรับเรื่องที่ ‘ยาก’ น่าจะเป็นเรื่อง ‘ฝึกซ้อม’, ‘การแบ่งเวลา’ และ ’ความกดดัน’ ครับ เพราะการเป็นไอดอลต้องมีการฝึกซ้อมบ่อยมาก ทำให้ต้องบริหารและแบ่งเวลาให้ดีทั้งเวลาฝึกซ้อมและเวลาเรียน รวมไปถึงความกดดันก็จะมีมากขึ้นด้วยครับ
Q : จริงๆ เคยเห็นผลงานของน้องพอตเตอร์มาบ้างแล้ว ในครั้งนี้ มาเป็นไอดอลที่ต้องเก่งรอบด้าน มีความยากและความท้าทายตรงไหนบ้างไหม และมีสิ่งไหนที่รู้สึกว่ายากสำหรับเราที่สุด
พอตเตอร์ วสุ : ความท้าทายอย่างแรกของผมคือ ‘อายุ’ ครับ เพราะอายุผมตอนนี้ประมาณ 22 ปี เป็นช่วงเรียนจบพอดีครับ ผมก็จะโตกว่าน้องๆ ผู้ชายในวงนิดหน่อย ทำให้ช่วงอายุแอบห่างกันนิดนึง ผมแอบมีความรู้สึกเล็กๆ ในใจว่า อายุผมอาจจะเกินน้องๆ ไปช่วงหนึ่งครับ เลยทำให้ถามกับตัวเองว่า “จะเป็นอะไรไหม
แต่พอมาทำงานด้วยกันแล้ว ทำให้รู้สึกได้เลยว่าเราไม่ได้ต่างกันมากขนาดนั้น เราก็ยังทำงานด้วยกันได้อยู่ ส่วนอีกเรื่องคือ ‘การเต้น’ เพราะผมไม่เคยเต้นเลยในชีวิตนี้ 20 กว่าปี ผมเพิ่งมาเริ่มเต้นตอนได้เข้ามาที่ XEBIS ครับ แต่การเต้นในครั้งนี้ผมอยากลองทำดูครับ พอได้ลองเต้นแล้ว ผมรู้สึกสนุกกับมันมากๆ จนอยากจะทำอีกเรื่อยๆ ครับ

Q : ในยุคนี้ ไอดอลเกิดขึ้นเยอะมาก แน่นอนว่าพื้นที่และความสนใจเยอะ แต่การแข่งขันก็สูงตาม สำหรับเราทั้ง 3 คน มองภาพวงการไอดอลอย่างไรกัน
อิ๊น มาธวี : สำหรับ อิ๊น รู้สึกว่าไอดอลไม่ได้แค่ เต้น หรือ ร้องได้อย่างเดียว แต่เป็นแรงบันดาลใจให้กับใครหลายๆ คนด้วยค่ะ ซึ่งต้องอาศัยในหลายอย่าง ทั้งโอกาส สกิล และโชค ด้วยค่ะ (หัวเราะ)
แต่ถ้าพูดถึงในอีกมุมมอง อิ๊น รู้สึกว่าวงการ T-POP ที่เกิดขึ้นเยอะมาก ถือเป็นข้อดีค่ะ เพราะว่าทำให้ใครหลายคนได้หันมาสนใจในวงการเพลงมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะคนต่างชาติ จะได้รู้จักวงการ T-POP มากยิ่งขึ้นด้วยค่ะ
พอตเตอร์ วสุ : ผมเห็นด้วยกับทุกอย่างที่พี่อิ๊นบอกเลยครับ ด้วยการแข่งขันที่สูงมาก แต่ว่าความคิดของผมที่มีต่อน้องๆ กับทุกคนใน XEBIS คือ ผมไม่อยากให้พวกเรา แข่งขันสูงจนเกินไป และลืมความเป็นตัวเอง เพราะผมรู้สึกว่า ความเป็นตัวเองจะทำให้พวกเราแตกต่างจากคนอื่น และโดดเด่นขึ้นมาได้ครับ ผมกับน้องๆ ก็ช่วยกันบอกกันและกันว่า เราสู้กันเต็มที่ครับ แต่ก็อย่าหลงลืมตัวตน และให้แฟนๆ รักเราในแบบที่เป็นตัวของตัวเองครับ
โญฮวัน คิม : สำหรับผมส่วนใหญ่ถ้าแข่งขัน ผมจะแข่งขันกับตัวเองมากกว่าที่จะแข่งขันกับคนอื่น เหมือนเราอยากชนะใจตัวเอง เหมือนพื้นที่นี้เป็นพื้นที่ให้ทุกคนมาตามหาความฝันในวงการไอดอลครับ

Q : ฝากผลงานปิดท้าย
อิ๊น มาธวี : ฝากรายการ HELLO LOCKER ด้วยนะคะ จะเป็นเวทีคอนเทนต์ ร้อง เต้น เล่น โชว์ ของเหล่าศิลปิน XEBIS ทั้ง 16 คน พร้อมมา HELLO ความลับใน LOCKER และแขกรับเชิญสุดปังในแต่ละสัปดาห์ ในรายการ “HELLO LOCKER” ทุกวันอังคาร เวลา 21.30 น. ทางช่องเวิร์คพอยท์ 23
โญฮวัน คิม : ผมฝากรายการออนไลน์ครับ ก็จะปรากฏอยู่ในทุกๆ แพลตฟอร์มของ XEBIS เลยครับ ฝากติดตามกันด้วยนะครับ
พอตเตอร์ วสุ : ผมฝากติดตามผลงานของ XEBIS ที่จะมีในอนาคตด้วยนะครับ ไม่ว่าจะเป็นเพลง หรือ ซีรีส์แนวตั้งฝากติดตามกันด้วยนะครับ

XEBIS Entertainment:
▪️Instagram: @xebis_ent https://www.instagram.com/xebis_ent
▪️TikTok: @xebis_ent https://www.tiktok.com/@xebis_ent
▪️X: @xebis_ent https://x.com/xebis_ent
▪️Youtube: @xebis_ent https://www.youtube.com/@xebis_ent
▪️Facebook: XEBIS Entertainment https://www.facebook.com/xebisent/










