
รัฐบาลศรีลังกาต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วประเทศเป็นเวลา 10 วัน เพื่อยุติเหตุปะทะรุนแรงระหว่างชาวพุทธและชาวมุสลิม จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย บ้านเรือนร้านค้าได้รับความเสียหาย
วันที่ 6 มี.ค. 2561 สื่อต่างประเทศรายงานว่า รัฐบาลศรีลังกาต้องประกาศภาวะฉุกเฉินทั่วประเทศเป็นเวลา 10 วัน นับตั้งแต่วันนี้ เพื่อยุติความรุนแรง หลังเกิดการปะทะกันระหว่างผู้ที่นับถือศาสนาพุทธซึ่งเป็นกลุ่มคนส่วนใหญ่ของประเทศ กับผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อย ในเมืองกัณฏี ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และบ้านเรือนร้านค้าเสียหายจากเหตุวางเพลิง
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ความตึงเกิดระหว่างสองกลุ่มศาสนาในศรีลังกาเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีชาวพุทธบางกลุ่มกล่าวหาชาวมุสลิมว่าบังคับให้ผู้คนเปลี่ยนไปนับถือศาสนาอิสลาม และก่อเหตุทำลายโบราณสถานของชาวพุทธ และยังมีชาวพุทธบางส่วนออกมาประท้วงการลี้ภัยเข้ามาในประเทศของชาวมุสลิมโรฮีนจาที่อพยพออกจากเมียนมา นอกจากนี้ยังมีกลุ่มที่คอยเคลื่อนไหวยั้วยุให้เกิดความขัดแย้งทางเฟซบุ๊กอีกด้วย
ความไม่สงบในเมืองกัณฏีของศรีลังการอบใหม่นี้ปะทุขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา หลังจากพิธีศพของคนขับรถบรรทุกจากชุมชนชาวพุทธสิงหล ที่เสียชีวิตหลังจากเขาไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทะเลาะวิวาทกับชาวมุสลิม 4 คน
เรื่องนี้ตำรวจกล่าวว่า ยังไม่ชัดเจนว่าทำไมจึงเกิดการปะทะขึ้น แต่หลังจากพิธีศพเมื่อวันจันทร์ ผู้ชุมนุมชาวพุทธโจมตีร้านค้าของชาวมุสลิม และยังพบร่างของเยาวชนมุสลิมถูกเผาอยู่ภายนอกอาคาร
ในศรีลังกา มีชาวมุสลิมเป็นชนกลุ่มน้อยในประเทศคิดเป็น 9% จาก 21 ล้านคนของศรีลังกา มีชาวพุทธประมาณ 70% และชาวทมิฬซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวฮินดูประมาณอีก 13%
รายงานระบุว่า รัฐบาลประกาศยุติสงครามกลางเมือง 26 ปี ในปี 2552 โดยพรรคกบฏแบ่งแยกดินแดดทมิฬเป็นฝ่ายแพ้ และมีบ้างที่ชาวมุสลิมถูกจับในเหตุรุนแรงต่างๆ แต่โดยรวมแล้วจะพยายามหลีกเลี่ยงสงคราม
ที่มา Reuters, euronews (عــربي),Onmanorama









