‘สิงคโปร์’ อาจเป็นสถานที่พบปะผู้นำมะกัน-โสมแดง

‘สิงคโปร์’ อาจเป็นสถานที่พบปะผู้นำมะกัน-โสมแดง

คิมจองอึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ (ซ้าย), มุนแจอิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ (ขวา)

หลังจากการพบปะกันครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างสองผู้นำเกาหลีเมื่อวันที่ 27 เม.ย. ที่ผ่านมา จนทำให้เกิดบรรยากาศอันชื่นมื่นไปทั่วคาบสมุทรเกาหลี นำมาสู่การลดลาวาศอกสร้างตรึงเครียดระหว่างกัน ทั้งการลงนามในปฏิญญาปันมุนจอมร่วมกัน เพื่อยุติสงคราม 65 ปี, การประกาศยุติทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ของฝั่งเกาหลีเหนือ, การรื้อถอนลำโพงกระจายเสียงโฆษณาชวนเชื่อบริเวณพรมแดนของเกาหลีใต้ และภารกิจอื่นๆ อีกมากมาย ที่นำมาซึ่งสันติภาพอย่างแท้จริงในอนาคต

ชินโสะ อาเบะ (ซ้าย), โดนัลด์ ทรัมป์ (ขวา)

แต่ก็ยังเหลืออีกหนึ่งเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่ประชามคมโลกต่างรอคอยที่จะได้ นั่นคือการพบกันระหว่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา กับนายคิมจองอึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ โดยทางผู้นำสหรัฐฯ เคยเปิดเผยผ่านสื่อขณะต้อนรับการมาเยือนของนายชินโสะ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ที่รีสอร์ท Mar-a-Lago ของครอบครัวในรัฐฟลอริดาว่า กำลังคัดเลือกสถานที่เพื่อใช้สำหรับการประชุมสุดยอดผู้นำรัฐบาลวอชิงตันกับรัฐบาลเปียงยาง จึงทำให้เกิดการวิเคราะห์ขึ้นว่าสถานที่แห่งใดจะเป็นที่พบปะกันของสองผู้นำ ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมามาหลายสิบปี

เมื่อไม่นานมานี้ทางสำนักข่าวบลูมเบิร์กได้วิเคราะห์ว่า กรุงเทพมหานคร จะเป็นหนึ่งสถานที่ซึ่งอาจถูกเลือกใช้ในการเจรจาระหว่างผู้นำสหรัฐอเมริกากับผู้นำเกาหลีเหนือ โดยให้เหตุผลว่า กรุงเทพฯ เมืองหลวงของประเทศไทย มีสถานทูตสหรัฐฯ ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง และยังเป็นประเทศในเอเชียที่มีสถานทูตเกาหลีเหนือ

ทำให้ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการกลาโหม ต้องออกมาให้สัมภาษณ์หลังกรุงเทพมหานครติด 1 ใน 9 สถานที่ในการพบกันระหว่างนายทรัมป์กับนายคิม โดยทางบิ๊กป้อมเองก็ไม่ขัดข้อง เพราะไทยเป็นกลาง แต่ขณะนี้ยังไม่มีการแจ้งประสานมาจากทั้งสองประเทศ

อย่างไรแล้ว วานนี้ (7 พ.ค.) สื่อของเกาหลีใต้เผยว่า สิงคโปร์ อาจเป็นสถานที่จัดประชุมสุดยอดผู้นำสหรัฐฯ และเกาหลีเหนือ ขณะที่นายทรัมป์ก็ได้กล่าวเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ได้กำหนดวันและสถานที่สำหรับการพบปะกับผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือไว้เรียบร้อยแล้ว แต่จะเปิดเผยให้ทราบในโอกาสต่อไป

การจะได้พบกันอย่างชื่นมื่นเหมือนครั้งผู้นำสองเกาหลีหรือไม่นั้น คงยังสรุปถึงสถานการณ์ที่ชัวร์เปะไม่ได้ เนื่องจากเมื่อวันที่ 6 พ.ค. ที่ผ่านมา รัฐบาลเปียงยางได้ออกมากล่าวหาสหรัฐฯ กำลัง สร้างความเข้าใจผิด ต่อสาธารณชนว่า เกาหลีเหนือ อ่อนแอ จนยอมปลดอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มแรงกดดันและการคุกคามทางทหารจากสหรัฐอเมริกา การที่รัฐบาลวอชิงตันออกกระทำเช่นนี้ เท่ากับ พยายามทำลายสันติภาพ บนคาบสมุทรเกาหลี

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง