โรงเรียนในเกาหลีใต้
ตั้งแต่วันที่ 14 ก.ย. นี้ เกาหลีใต้ออกมาตรการห้ามขายกาแฟรวมถึงผลิตภัณฑ์ที่มีกาเฟอีนทุกชนิดในโรงเรียน เพื่อสุขภาพที่ดี ทั้งครูนักเรียน และบุคลากร
เมื่อวันศุกร์ (31 ส.ค. 61) รัฐมนตรีกระทรวงความปลอดภัยและยาของเกาหลีใต้ กล่าวว่า ตู้ขายน้ำและตู้ขายขนมอัตโนมัติในโรงเรียน จะต้องหยุดขายกาแฟทั้งหมดภายในวันที่ 14 ก.ย. 61 นี้ ซึ่งเป็นมาตรการที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างนิสัยการกินที่ดีต่อสุขภาพในวัยเด็กและวัยรุ่น โดยพบว่านักเรียนจำนวนมากมักดื่มกาแฟหรือเครื่องดื่มชูกำลัง เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการสอบที่มีการแข่งขันสูงในเกาหลีใต้
ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2556 ก็ได้ออกมาตรการสั่งห้ามขายกาแฟในโรงเรียนแล้ว แต่ยังคงมีขายอยู่บ้างตามตู้กดอัตโนมัติ แต่มาตรการครั้งใหม่นี้จะห้ามขายในโรงเรียนอย่างเด็ดขาด ทั้งในโรงเรียนประถมศึกษา และโรงเรียนมัธยมศึกษา พร้อมติดตามผลอย่างใกล้ชิด
มาตรการห้ามขายกาแฟในโรงเรียนนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการรณรงค์ลดการทานอาหารและเครื่องดื่มที่มีแคลอรีและกาแฟอีนสูง นอกจากนี้ยังมีมาตรการห้ามโฆษณาอาหารจานด่วน ขนมหวาน เครื่องดื่มคาเฟอีนสูงในช่วงเวลาที่เด็กๆ ส่วนใหญ่รับชมโทรทัศน์ ซึ่งทางเกาหลีใต้กำลังพยายามแก้ไขปัญหาโรคอ้วนในเด็กนักเรียน ในปี 2559 มีนักเรียนทั้งในระดับประถมและมัธยมประมาณ 17% เป็นโรคอ้วน เพิ่มขึ้นประมาณ 12% เมื่อเทียบกับ 10 ปีก่อน
จากสื่อได้รายงานว่า มีนักเรียนหลายคนมีอาการหัวใจสั่นหลังดื่มกาแฟ ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่อ้างถึงกรณีผู้ที่ดื่มกาแฟว่ามักมีอาการวิงเวียนศีรษะ อัตราการเต้นของหัวใจถี่ขึ้น อาการนอนไม่หลับ อาหารหงุดหงิดง่าย
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากสมาคมการค้าระหว่างประเทศของเกาหลีใต้ ระบุว่า เกาหลีใต้เป็นประเทศผู้นำเข้ากาแฟรายใหญ่ที่สุดอันดับที่ 7 ของโลก ด้วยนำเข้ามูลค่าประมาณ 700 ล้านดอลลาร์ ในปี 2560 โดยชาวเกาหลีใต้ดื่มกาแฟเฉลี่ยคนละ 512 แก้วต่อปี
