
อนุสาวรีย์ผู้หญิงบำเรอในนครซานฟรานซิสโก
นายกเทศมนตรีเมืองโอซากาประกาศตัดความเป็นเมืองพี่น้องกับนครซานฟรานซิสโก สหรัฐฯ หลังไม่พอใจที่ซานฟรานซิสโกตั้งอนุสาวรีย์ผู้หญิงบำเรอกามของทหารญี่ปุ่นในสงครามโลกครั้งที่ 2
เมื่อวันที่ 4 ต.ค. 61 สื่อต่างประเทศรายงานว่า นายฮิโรฟุมิ โยชิมูระ นายกเทศมนตรีเมืองโอซากากล่าวว่า อนุสาวรีย์ผู้หญิงบำเรอกามกลางซานฟรานซิสโกนั้น ทำลายความสัมพันธ์ระหว่างนครโอซากากับนครซานฟรานซิสโก พร้อมทั้งประกาศตัดความสัมพันธ์ความเป็นเมืองพี่น้องกับซานฟรานซิสโก หลังดำเนินความสัมพันธ์ดังกล่าวมายาวนานกว่า 60 ปี

นายฮิโรฟุมิ โยชิมูระ นายกเทศมนตรีเมืองโอซากา
โดยทางนายโยชิมูระกล่าวอีกว่าที่ผ่านมาทางเมืองโอซากาได้ส่งหนังสือเรียกร้องให้ทางนครซานฟรานซิสโกปฏิเสธการรับรูปปั้นที่ได้รับการบริจาค แต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนองใดๆ พร้อมทั้งระบุว่าของ “ปัญหา” ของอนุสาวรีย์ดังกล่าว เนื่องจากอนุสาวรีย์นี้ถูกอุทิศให้กับเหล่าสตรีและเด็กหญิงนับแสนคนที่ตกเป็นเหยื่อกามอารมณ์ของกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่น ซึ่งนายกเทศมนตรีนครโอซากาอ้างว่าเป็นแสดงคำกล่าวอ้างที่คลุมเครือและนำเสนอข้อมูลทางประวัติศาสตร์เพียงด้านเดียวเท่านั้น

หญิงบำเรอกามชาวจีนและมาเลย์ในสำนักบำเรอกามประจำคาบสมุทรมาเลย์ (ภาพจาก Wikimedia Commons)
ด้านนางลอนดอน บรีด นายกเทศมนตรีเมืองซานฟรานซิสโกระบุว่า ทางการโอซากาจะมายุติความสัมพันธ์ที่มีมาอย่างยาวนานเพียงลำพังไม่ได้ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นความสัมพันธ์ที่มีมาอย่างยาวนานกว่า 60 ปี และระบุว่าอนุสาวรีย์แห่งนี้คือสัญลักษณ์ของการต่อสู้ของผู้หญิงทุกคนที่ต้องถูกบังคับให้ต้องทนทุกข์ทรมานกับการค้ากามและการค้าทาสที่น่าสะพรึงกลัว
ทั้งนี้ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 กองทัพจักวรรดิญี่ปุ่นได้เกณฑ์ผู้หญิงกว่า 2 แสนคน จากเกาหลี, จีน, ฟิลิปปินส์ และจากดินแดนต่างๆ ที่อยู่ภายใต้การปกครองของญี่ปุ่นส่งไปยังสำนักบำเรอกามของกองทัพทั่วทุกแนวรบของกองทัพจักวรรดิ โดยผู้หญิงเหล่านี้ถูกบังคับให้ทำหน้าที่บำเรอความใคร่ให้เหล่าทหาร โดยที่ผ่านมารัฐบาลญี่ปุ่นได้ปฏิเสธมาโดยตลอดว่ากองทัพของจักรวรรดิไม่ได้มีส่วนกับการค้ากามดังกล่าว

หญิงบำเรอกามชาวจีนในค่ายทหารแห่งหนึ่ง (ภาพจาก Columbia University Press)









