กระทรวงการคลังญี่ปุ่นยอมรับว่ามีการแก้ไขลบชื่อ “อากิเอะ อาเบะ” ภริยานายกรัฐมนตรี ออกจากเอกสารอื้อฉาว 14 ฉบับ เรื่องซื้อขายที่ดินรัฐเพื่อสร้างโรงเรียนต่ำกว่าท้องตลาด ที่ถูกกล่าวหาว่าเอื้อประโยชน์ส่วนตน และมีการเล่นพรรคเล่นพวก
หลังจากเมื่อ ก.พ. 2560 มีการเปิดโปงการซื้อขายที่ดินของรัฐ เพื่อสร้างโรงเรียนโมริโตโมะ กักคุเอน ในโอซากา ซึ่งมีนางอากิเอะ อาเบะ ภริยานายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เกี่ยวข้อง และถูกทาบทามให้เป็นผู้บริหารโรงเรียนนั้น แต่พบว่าในเอกสารแสดงรายการซื้อที่ดิน มีราคาเพียง 134 ล้านเยน ราวๆ 39 ล้านบาท เท่านั้น ซึ่งแท้จริงแล้ว ที่ดินดังกล่าวมีราคาประเมินอยู่ที่ 956 ล้านเยน ประมาณ 280 ล้านบาท หรือมีราคาต่ำกว่าตลาดเกือบ 10 เท่า
Reuters
เรื่องดังกล่าวสร้างความไม่พอใจให้ชาวญี่ปุ่น ทำให้ทั้งนายอาบะ และภริยา รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้อง ถูกวิจารณ์ว่า กระทำการเพื่อประโยชน์ส่วนตนและเล่นพรรคเล่นพวก มีประชาชนออกมาประท้วง จนทำให้คะแนนนิยมนายอาเบะลดต่ำลงจนถึงขีดสุดตั้งแต่เป็นนายกรัฐมนตรี
ในเวลาต่อมา ก.ค. 60 นายยาสึโนริ คาโกอิเกะ และภรรยา เจ้าของโรงเรียนโมริโมตะ กักคุเอน ถูกตำรวจจับกุมในข้อหารับเงินช่วยเหลือจากรัฐโดยมิชอบ เมื่อวันที่ 7 มี.ค. 61 เจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังที่ดูแลเรื่องที่ดินอื้อฉาวรายหนึ่งเสียชีวิต โดยคาดว่าเป็นการฆ่าตัวตาย และเมื่อวันศุกร์ (9 มี.ค. 61) นายโนบุฮิสะ ซางาวะ อธิบดีกรมสรรพากรญี่ปุ่นลาออกหลังชี้แจงเรื่องอื้อฉาวนี้ต่อสภา
ล่าสุด (12 มี.ค. 61) การกระทรวงการคลังที่มีนายทาโร อาโซ เป็นรัฐมนตรี ยอมรับว่า มีการแก้ไขเอกสารดังกล่าวกว่า 14 ฉบับจริง ที่ชื่อของ นางอากิเอะ อาเบะ และรายชื่อนักการเมืองอีกหลายคนถูกลบออกทั้งหมด สื่อญี่ปุ่นหลายสำนักรายงานว่า เอกสารถูกแก้ไขในช่วงเดือน ก.พ. – เม.ย. 60 ภายหลังถูกเปิดโปง
ทั้ง นายทาโร อาโซ (รมว.คลัง) และนายอาเบะ ปฏิเสธการลาออกจากตำแหน่ง ซึ่งนายอาเบะเคยกล่าวไว้ว่า หากมีหลักฐานว่าตัวเขาและภริยาทำผิดจริง ก็พร้อมลาออก
นายชินโซ อาเบะ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 57 ของญี่ปุ่นจากพรรคเสรีประชาธิปไตย (แอลดีพี) เข้ารับตำแหน่งในสมัยแรกเมื่อ 26 ก.ย. 2549 และถือเป็นสมัยที่ 4 หลังชิงยุบสภา และได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งเมื่อเดือน ต.ค. ที่ผ่าน
มีนักวิเคราะห์ระบุว่า การชิงยุบสภาของนายอาเบะที่มีคะแนนตกต่ำจากเรื่องที่ดินอื้อฉาวนั้น เป็นการตัดหน้า เพื่อหวังเป็นนายกฯ ต่ออีกสมัย โดยมีจุดแข็งในการหาเสียงคือการเป็นพันธมิตรกับสหรัฐฯ และการตอบโต้เกาหลีเหนืออย่างขีดสุด
