
ประเด็นคือ- การเยือนระดับนายกรัฐมนตรีของไทย เพื่อเจรจาความร่วมมือกับ ประธานาธิบดี สหรัฐฯ ยืนยันในความสัมพันธ์สองประเทศที่เข้มแข็ง พร้อมขับเคลื่อนความร่วมมือในทุกมิติ ดังเช่นที่เป็นมาตลอด 184 ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานนี้ (2 ต.ค. 60) เวลา 17.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ประเทศสหรัฐอเมริกา พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงผลการหารือกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ ดังนี้
ประเทศไทย – สหรัฐฯ มีความร่วมมือในทุกมิติมากว่า 184 ปีในปีนี้ ซึ่งหากนับความสัมพันธ์ภาคประชาชน ต้องถือว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศดำเนินสู่ปีที่ 200

การเยือนประเทศสหรัฐอเมริกาในครั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปี ของการเยือนอย่างเป็นทางการ ระดับนายกรัฐมนตรี ซึ่ง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้แสดงความขอบคุณประธานาธิบดีสหรัฐฯ และภรรยา สำหรับการต้อนรับที่อบอุ่นเป็นมิตร พร้อมกันนี้ยังได้กล่าวแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติที่รุนแรงที่สุดในประวัติการณ์ นั่นคือ เหตุการณ์ภัยพิบัติจากพายุเฮอริเคนที่เปอโตริโก และเหตุโศกนาฎกรรมที่ลาสเวกัส
ทั้งนี้ในการหารือ ผู้นำทั้งสองประเทศได้หารือความร่วมมือมิติต่างๆ ที่สอดคล้องกัน อาทิ ด้านความมั่นคง ซึ่งระหว่างไทย-สหรัฐฯ ได้มีการฝึกซ้อมร่วมกันมาโดยสม่ำเสมอเป็น นั่นคือ การฝึก Cobra Gold ซึ่งเป็นการฝึกทางทหารที่เสริมสร้างเสถียรภาพและสันติภาพในระดับภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก
หรือแม้แต่นโยบายหลักที่ต่างสนับสนุนโอกาสให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อย นั่นคือ นโยบาย America First ที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ สอดคล้องกับนโยบาย Thailand 4.0 ของไทย เพื่อเสริมสร้างชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีของภาคประชาชน
พร้อมกันนี้ ไทยและสหรัฐฯ จะขยายความร่วมมือเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ ซึ่งนายกรัฐมนตรีไทย ได้เชิญนางอิวานก้า ทรัมป์ (Ivanka Trump) บุตรสาวประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ให้ความสนใจและมีบทบาทสำคัญในเรื่องนี้ เยือนไทยเพื่อดูงานของรัฐบาลไทยที่พยายามแก้ปัญหาด้านนี้มาโดยตลอดเช่นกัน

ขอบคุณภาพ: รัฐบาลไทย
นอกจากนี้ ไทย-สหรัฐฯ ยังจะขยายความร่วมมือการต่อต้านการก่อการร้ายและส่งเสริมความมั่นคงทางไซเบอร์ สนับสนุนด้านข่าวกรอง พร้อมทางหาแนวทางว่าจะร่วมมือเพื่อเสริมสร้างสันติสุขในภูมิภาค รวมทั้ง การถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านการป้องกันประเทศด้วย
ด้านสถานการณ์ความมั่นคงในภูมิภาค ไทยในฐานะสมาชิกสหประชาชาติ ยืนยันความร่วมมือ ดำเนินการตามมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ทั้งด้านสถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลี ซึ่งรัฐบาลไทยสนับสนุนให้เกาหลีเหนือเข้าสู่การเจรจา ส่วนสถานการณ์ในรัฐยะไข่ ไทยและสหรัฐฯ จะร่วมผลักดันการแก้ปัญหาตามหลักมนุษยธรรม รวมทั้งการแก้ไขปัญหาในระยะยาว
ด้านการค้าและการลงทุน ตามสนธิสัญญาไมตรีและความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ ที่ลงนามร่วมมือกันตั้งแต่ปี ค.ศ.1966 ทำให้นักธุรกิจอเมริกันได้ประโยชน์เหมือนคนไทยในการลงทุนที่ประเทศไทย พร้อมทั้ง ร่วมผลักดันมูลค่าการค้าระหว่างกันให้สูงขึ้น ด้วยกลไกที่มีอยู่ พร้อมตั้งกลไกใหม่ๆ เพื่อสนับสนุนหากมีปัญหาติดขัด โดยขณะนี้ นักลงทุนไทยมีการลงทุนในสหรัฐฯ ทั้งหมด 23 บริษัท มูลค่าการลงทุนรวม 5.6 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และมีแผนเพิ่มการลงทุนอีกรวม 6 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ จะสามารถสร้างงานได้มากกว่า 8,000 ตำแหน่ง จึงขอให้สหรัฐฯ ให้การสนับสนุนและอำนวยความสะดวกให้แก่นักลงทุนไทยเหล่านี้ พร้อมทั้งขอให้สหรัฐฯ เปิดตลาดสินค้าเกษตรไทยมากขึ้น
ภายหลังการหารือ นายกรัฐมนตรีและประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างบริษัท PTTGC America LLC กับหน่วยงาน JobsOhio ว่าด้วยความร่วมมือในการศึกษา วางแผน และจัดทำโครงการพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนในพื้นที่เขตเบลมอนต์ (Belmont County) ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงงานปิโตรเคมี









