ชาวจีนติดโควิดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนล่าสุดมีผู้ติดเชื้อรายวันสูงกว่า 5,000 แล้ว และยังใช้วิธีล็อกดาวน์แบบเดิมๆ เพื่อหยุดการแพร่ระบาด
วันที่ 15 มี.ค. 2565 สำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า ทางการจีนตรวจพบจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายวันสูงกว่า 5,000 รายเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่พ้นจากการระบาดรอบแรก โดยส่วนใหญ่อยู่ที่มณฑลจี๋หลินทางตะวันออกเฉียงเหนือ ที่มีพรมแดนติดกับเกาหลีเหนือและรัสเซีย
โดยจีนพบผู้ติดเชื้อล่าสุดทั้งหมด 5,154 ราย เป็นผู้ที่ไม่แสดงอาการ 1,647 ราย ตามรายงานของกระทรวงสาธารณสุขแห่งชาติ ถึงแม้ว่าจะเป็นตัวเลขที่ไม่สูงนักเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในโลก แต่สำหรับจีนที่พยายามกดตัวเลขมาตลอด 2 ปีที่ผ่านมาแล้ว นี่ถือเป็นความล้มเหลวของนโยบายโควิดเป็นศูนย์ของจีนอย่างชัดเจน
สำหรับมณฑลจี๋หลิน มีการพบผู้ติดเชื้อกว่า 4,000 ราย และทางการได้ประกาศล็อกดาวน์ภูมิภาคที่มีประชาชน 24 ล้านคนไปแล้วเมื่อวันจันทร์ (14 มี.ค.) ที่ผ่านมา
ก่อนหน้านี้ จีนเพิ่งจะประกาศล็อกดาวน์เมืองเซินเจิ้น ซึ่งเป็นศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีไปเมื่อวันอาทิตย์ และล่าสุดได้ประกาศล็อกดาวน์เมืองหลางฟาง ที่อยู่ติดกับกรุงปักกิ่งไปเมื่อช่วงเช้าวันนี้
โดยรวมแล้วจีนประกาศล็อกดาวน์ไปถึง 11 พื้นที่ โดยมีประชาชนได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์รอบนี้ 45 ล้านราย
ปัจจุบันแม้ว่าเชื้อไวรัสจะกลายพันธุ์มาหลายต่อหลายครั้ง แต่จีนยังคงตัดสินใจใช้วิธีเดิมแบบเดียวกับที่รับมือกับสายพันธุ์ดั้งเดิม โดยการสั่งปิดเมืองและบังคับให้ประชาชนจำนวนมากออกมาตรวจเชื้อในระยะเวลาอันสั้น
อย่างไรก็ตาม สำหรับเมืองหลักๆ แล้ว จีนได้พยายามหลีกเลี่ยงที่จะสั่งล็อกดาวน์ทั้งเมือง แต่ใช้วิธีปิดเฉพาะพื้นที่แทน เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบทางเศรษฐกิจ










