จีนเปิดผลทดลองวัคซีน mRNA ที่คาดว่าจะนำมาใช้เป็นตัวแรก โดยไม่ได้ระบุถึงประสิทธิภาพในการต้านเชื้อโควิดกลายพันธุ์
วันที่ 26 ม.ค. 2565 สำนักข่าวซินหัวรายงานผลการทดสอบวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในชื่อ เออาร์โควี (ARCoV) วัคซีนชนิด mRNA ที่ร่วมพัฒนาโดยสถาบันวิทยาศาสตร์การแพทย์ทหาร (AMMS) บริษัท ซูโจว อ้ายโป๋ ไบโอไซเอนซ์ (AbogenBio) และบริษัท วาลแวกซ์ ไบโอเทคโนโลยี จำกัด (Walvax Biotechnology) ของจีน
ผลการศึกษาระยะที่ 1 ที่ตีพิมพ์ลงในวารสารการแพทย์แลนเซ็ต ไมโครบ (Lancet Microbe) เมื่อวันอังคาร (25 ม.ค.) ระบุว่า วัคซีนตัวนี้แสดงความปลอดภัย ความต้านทาน และประสิทธิภาพ ระหว่างการทดลองในมนุษย์ระยะแรก
การทดลองวัคซีนเออาร์โควีมีขึ้นที่โรงพยาบาลในนครหางโจว มณฑลเจ้อเจียง ระหว่างวันที่ 30 ต.ค. ถึง 2 ธ.ค. 2564 โดยมีผู้ใหญ่สุขภาพดีอายุ 18-59 ปี จำนวน 120 คน ซึ่งมีผลตรวจโรคโควิด-19 เป็นลบ เข้าร่วมการทดลองดังกล่าว
ขั้นตอนการทดลองประกอบด้วยการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 จำนวน 2 โดส ในปริมาณที่แตกต่างกัน ได้แก่ 5, 10, 15, 20 และ 25 ไมโครกรัม
ผลการศึกษาชี้ว่าวัคซีนเออาร์โควีสามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้ในสัดส่วน 80-95% ของอาสาสมัคร หลังจากได้รับวัคซีนแล้ว 2 โดส
ซึ่งในการทดลองระยะแรกแสดงให้เห็นข้อมูลความปลอดภัยที่ยอมรับได้ และกระตุ้นการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันอันแข็งแกร่งในผู้เข้าร่วมทดลอง ทั้งยังไม่มีรายงานเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ร้ายแรงใดๆ เกิดขึ้นภายใน 56 วัน หลังรับวัคซีน
ปัจจุบัน วัคซีนเออาร์โควีกำลังอยู่ระหว่างการทดลองประสิทธิภาพในมนุษย์ระยะที่ 3 ซึ่งจัดขึ้นในหลายภูมิภาคและมีผู้เข้าร่วมทดลองมากขึ้น
จีนเริ่มสร้างโรงงานผลิตวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ชนิดเอ็มอาร์เอ็นเอ ที่เมืองอวี้ซี มณฑลอวิ๋นหนาน (ยูนนาน) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน เมื่อเดือนธันวาคม 2564 โดยคาดว่ากำลังการผลิตระยะแรกจะอยู่ที่ราว 120 ล้านโดสต่อปี
นอกจากนี้ ยังมีการทดลองวัคซีนเออาร์โควีในต่างประเทศนอกจีนแผ่นดินใหญ่เช่นกัน โดยกำลังอยู่ในระหว่างการทดสอบเฟส 3 ในประเทศเม็กซิโก อินโดนีเซีย และเนปาล










