ผลสำรวจพบนโยบายลูกคนเดียวของจีน อาจส่งผลให้พ่อแม่ไม่ไปแจ้งเกิดต่อทางการ และเป็นสาเหตุของการนับจำนวนประชากรขาดไปกว่า 11 ล้านคน
วันที่ 24 พ.ย. 2021 สำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า ทางการจีนเพิ่งจะค้นพบว่ามีการบันทึกจำนวนประชากรเด็กที่เกิดระหว่างปี 2000-2010 ขาดไปอย่างน้อย 11.6 ล้านคน ส่วนหนึ่งคาดว่าเป็นผลมาจากการใช้นโยบายลูกคนเดียวในช่วงดังกล่าว
ตัวเลขล่าสุดที่เปิดเผยออกมาโดยรัฐบาลพบว่า มีเด็กที่เกิดในช่วงดังกล่าว 172.5 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากที่เคยสำรวจไว้เมื่อปี 2010 ซึ่งบันทึกว่ามี 160.9 ล้านคน
เหอ หยาฟู นักประชากรศาสตร์อิสระให้ความเห็นว่า ตัวเลขที่ออกมาแตกต่างกัน อาจเป็นผลมาจากการที่พ่อแม่เด็กบางบางไม่ไปแจ้งเกิด เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกลงโทษจากการละเมิดนโยบายลูกคนเดียว โดยจีนเพิ่งจะเริ่มอนุญาตให้มีลูกได้ 2 คนเมื่อปี 2016
นั่นความหมายว่า พ่อแม่ของเด็กที่มีลูกเกินโควต้า เลือกที่จะไม่ไปแจ้งเกิดจนกว่าลูกจะมีอายุครบ 6 ปี ซึ่งเป็นวัยที่ต้องขึ้นทะเบียนเพื่อเข้าโรงเรียน
ตามรายงานยังระบุว่า เด็กที่เพิ่งจะมาลงทะเบียนในภายหลังนั้น เป็นเพศหญิงถึง 57% อาจเป็นข้อบ่งชี้ว่าพ่อแม่เด็กจงใจไม่ไปแจ้งเกิด เพื่อรอให้มีลูกผู้ชายเสียก่อน บ่งบอกถึงค่านิยมของชาวจีนที่ต้องการมีลูกผู้ชายมากกว่ามีลูกผู้หญิง
ยิ่งไปกว่านั้น ตัวเลขของเด็กที่เกิดระหว่างปี 2011-2017 ก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนเช่นกัน เท่ากับว่าปัญหาการนับจำนวนประชากรต่ำกว่าความเป็นจริง น่าจะเกิดขึ้นไปไกลกว่าปี 2010
ข้อมูลนี้แสดงให้เห็นถึงความยากลำบากในการนับจำนวนประชากรของจีน ซึ่งเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลก และผลจากนโยบายที่พยายามควบคุมการมีลูกของประชาชน ทำให้สุดท้ายแล้วเกิดปัญหาไม่สามารถนับจำนวนประชากรที่แท้จริงได้
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันจีนได้ยกเลิกการจำกัดขนาดของครอบครัวแล้ว แม้จะกำหนดให้แต่ละครอบครัวมีลูกได้ไม่เกิน 3 คน แต่ก็ไม่มีบทลงโทษจากการละเมิดแต่อย่างใด
ในทางกลับกัน อัตราการเกิดของประชากรในจีนตอนนี้กลับกลายเป็นว่ากำลังอยู่ในช่วงขาลง และคาดว่าจำนวนประชากรอาจจะเริ่มลดลงตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป
