ทำไมผู้ชายเกาหลี ไม่ชอบใส่ถุงยาง? วิจัยเรื่องคุมกำเนิดในผู้ชายเป็น ‘ของแรร์’ สะท้อนทัศนคติผลักภาระให้ผู้หญิง

ทำไมผู้ชายเกาหลี ไม่ชอบใส่ถุงยาง? วิจัยเรื่องคุมกำเนิดในผู้ชายเป็น ‘ของแรร์’ สะท้อนทัศนคติผลักภาระให้ผู้หญิง

ในช่วงไม่ถึงปีมานี้ เราได้ยินข่าว ‘ทำสาวท้อง’ จากบุคคลมีชื่อเสียงจากฝั่งเกาหลีใต้ มาหลายต่อหลายครั้ง บางกรณีตกลงร่วมกันเป็นอันจบ และบ้างบานปลายไปถึงฟ้องร้อง จนทำให้ประเด็น ‘คุมกำเนิด’ ถูกนำกลับมาเถียงใหม่

 

ไม่ว่าจะเป็น กรณี จองอูซอง นักแสดงฝีมือเยี่ยมที่มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนาน ที่มีรายงานว่ามีลูกกับนางแบบสาว เมื่อปลายปีที่ผ่านมา จนเป็นข่าวดัง เพราะเขาออกมายอมรับและดูแลลูก แต่ไม่ได้แต่งงานกับแม่ของลูก

ก่อนที่ ล่าสุดกับนักเตะซูเปอร์สตาร์อย่าง ซนฮึงมิน โดยมีจุดตั้งต้นจากที่อดีตแฟนสาว ซึ่งเป็นนางแบบเคยตั้งท้อง ทั้งคู่คบหากันในช่วงปี 2024 และเมื่อฝ่ายหญิงแจ้งข่าวว่าตั้งครรภ์ ทั้งสองฝ่ายก็เจรจาโดยตกลงกันว่าเธอจะยุติการตั้งครรภ์ 

ตามรายงาน ระบุว่าทางฝั่งของซนฮึงมิน ให้เธอเซ็นสัญญารักษาความลับ พร้อมกับจ่ายค่าชดเชยเป็นจำนวน 300 ล้านวอน (ประมาณ 7.1 ล้านบาท) และเธอก็ไปทำแท้งในวันถัดมา

แต่แล้วก็ในปีนี้เขาก็โดนคู่หมั้นของนางแบบสาว เอาความลับเก่ามาแบลกเมลเรียกเงิน ทำให้ซนฮึงมินตัดสินใจออกมาเปิดหน้าฟ้องร้อง จนล่าสุด Dispatch ก็มาเปิดเผยว่าฝ่ายหญิงคบซ้อน ระหว่างนักเตะกับนักธุรกิจนอกวงการ เมื่อตั้งครรภ์จึงไม่แน่ใจว่าใครเป็นพ่อของลูก แต่เมื่อติดต่อไปหาทั้งสองฝ่ายมีเพียงซนฮึงมินที่ตอบรับ เหตุการณ์จึงออกมาในรูปนี้

เมื่อเกิดกรณีปรากฏตามหน้าสื่อของเกาหลีใต้ขึ้นบ่อยครั้ง หนึ่งในคำถามที่ผุดขึ้นมา คือ ‘ผู้ชายเกาหลีไม่ชอบใส่ถุงยางอนามัย หรือ ผู้หญิงเกาหลีไม่คุมกำเนิด หรือไม่?’ เรื่องราวถึงดำเนินมาเช่นนี้

ถึงแม้ผลสำรวจในประเทศเกาหลีใต้ เมื่อปี 2022 จะพบว่า วัยรุ่นราว 85% พวกเขาใช้ถุงยางอนามัยเป็นวิธีคุมกำเนิด ซึ่งถือเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในกลุ่มวัยรุ่นและคนวัยหนุ่มสาว 

ขณะที่ ผู้ใหญ่วัยกลางคนขึ้นไป มักนิยมใช้วิธีการหลั่งนอกมากกว่า ส่วนการใช้ยาคุมกำเนิด เช่น ยาเม็ดคุมกำเนิดนั้น พบว่าอยู่ในระดับต่ำในทุกช่วงอายุ

ดังนั้น เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับ ซนฮึงมิน นักเตะวัย 32 ปี และจองอูซอง นักแสดงวัย 52 ปี ก็อาจเป็นไปในทิศทางเดียวกับการสำรวจดังกล่าว และอาจไม่ผิดแปลกไปบริบทที่เกิดในสังคมเกาหลี เมื่อมีผลงานวิจัยเก่าในปี 2015 ช่วยขยายความสิ่งนี้

[การสำรวจเรื่องคุมกำเนิดในผู้ชาย เป็นของแรร์]

ผลงานวิจัยจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งเกาหลี (Korea Centers for Disease Control and Prevention) ในปี 2015 ระบุว่า มีผู้ชาย วัย 18-69 ปี แค่ 11.5% เท่านั้นที่ใช้ถุงยางอนามัยขณะมีเพศสัมพันธ์

ข้อสังเกตที่น่าสนใจ คือ การสืบหางานวิจัยเรื่องการคุมกำเนิด หรือใช้ถุงยางอนามัยของผู้ชายในเกาหลีใต้นั้น กลับเป็นไปค่อนข้างยาก เมื่อเปรียบเทียบกับรายงาน “สถานการณ์การคุมกำเนิดของผู้หญิง” ที่หาอ่านได้อย่างต่อเนื่อง 

อย่างล่าสุดในปี 2022 ผลจากการสำรวจสุขภาพทางเพศ และอนามัยเจริญพันธุ์ของผู้หญิงเกาหลีตามช่วงวัย โดยสถาบันวิจัยด้านสุขภาพและสังคมแห่งเกาหลี เผยข้อมูลในกลุ่มผู้ใหญ่ตอนต้น ที่มีอายุต่ำกว่า 40 ปี ว่าหากให้เลือกพวกเธอจะใช้วิธีใด ซึ่งสามารถเลือกตอบได้มากกว่าหนึ่งอย่าง ดังนี้

  • ใช้ถุงยางอนามัย 62.3%
  • การหลั่งนอก 60.0%
  • การนับวันตามรอบประจำเดือน 36.6%
  • ใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด 17.1%
  • ใช้ยาคุมฉุกเฉิน 11.2%

สำหรับ กลุ่มวัยกลางคนและผู้สูงอายุ ที่มีการคุมกำเนิด นิยมใช้วิธีหลั่งนอก (45.6%) และนับวันตามรอบเดือน (36.0%) มากกว่าการใช้ถุงยางอนามัย (29.8%) 

และเมื่อถามว่าใครเป็นผู้ตัดสินใจหลัก ในการคุมกำเนิดระหว่างมีเพศสัมพันธ์ วัยรุ่น 69.3% และผู้ใหญ่ตอนต้น 52.4% ตอบว่า “ทั้งตัวเองและคู่นอนเป็นผู้ตัดสินใจร่วมกัน” ขณะที่ ผู้ที่เคย “อยากใช้ถุงยางอนามัยแต่ไม่สามารถทำได้เพราะคู่นอนไม่ต้องการ” มีอยู่ 22.7% ในกลุ่มวัยรุ่น, 25.8% ในกลุ่มผู้ใหญ่ตอนต้น และ 23.8% ในกลุ่มวัยกลางคนและผู้สูงอายุ

เหตุผลที่ผู้ใหญ่ตอนต้นอายุต่ำกว่า 40 ปีไม่คุมกำเนิดทุกครั้ง  คือ

  • เพราะรู้สึกว่าอุปกรณ์คุมกำเนิดใช้งานไม่สะดวก (40.7%)
  • เพราะคิดว่าไม่น่าจะตั้งครรภ์ได้ง่าย (39.1%)
  • เพราะทั้งตนเองและคู่นอนไม่ได้เตรียมอุปกรณ์คุมกำเนิดไว้ (28.5%)

แถมผลจากการสำรวจ ยังเผยคำตอบของกลุ่มผู้หญิงวัยกลางคนและผู้สูงอายุ ที่ว่า “ไม่จำเป็นต้องคุมกำเนิด” โดยคิดเป็น 63.9% ในกลุ่มวัยกลางคน และ 88.4% ในกลุ่มผู้สูงอายุ

[นโยบายสะท้อนทัศนคติสังคม]

ถึงตอนนี้ จากสถานการณ์งานวิจัยและข้อมูลเรื่องการคุมกำเนิดของผู้ชายที่จำกัด อาจจะสะท้อนทัศนคติโดยนัยว่า เกาหลีใต้เห็นว่าการป้องกันการตั้งครรภ์เป็นความรับผิดชอบของฝ่ายหญิง และการใช้ถุงยางอนามัย ก็เป็นเรื่องของการป้องกันการตั้งครรภ์ มากกว่าเพื่อหลีกเลี่ยงโรคติดต่อ

นอกจากนี้ บทความจากหนังสือพิมพ์คยองฮยาง ที่นำเสนอข่าวว่า ‘ถุงยางอนามัยจัดเป็นสินค้าที่ทำโฆษณาได้ยาก’ ก็ยังอธิบายเหตุผลว่า ถุงยางจัดเป็นเครื่องมือแพทย์ซึ่งมาพร้อมกับกฎหมายการโฆษณาที่เข้มงวด ซึ่งย้อนแย้งกับ โฆษณา ‘ยาคุมกำเนิด’ สำหรับผู้หญิงกลับพบได้ทั่วไป ทั้งในโทรทัศน์และขนส่งสาธารณะ

ดูเหมือนทั้งหมดนี้ จะชี้ให้เห็นทัศนคติต่อการป้องกันการตั้งครรภ์ และโรคติดต่อของประเทศเกาหลีใต้ เพราะโฆษณาก็นับเป็นหนึ่งในสื่อที่สะท้อนความต้องการของคนในประเทศได้เป็นอย่างดี

แม้แต่ในรายงานของกระทรวงความเสมอภาคทางเพศและครอบครัว ที่ทำร่วมกับสถาบันนโยบายเยาวชนแห่งเกาหลี เมื่อเดือนพฤษภาคม 2019 ภายใต้ชื่อ “งานวิจัยพื้นฐานเพื่อวางแผนยุทธศาสตร์การคุ้มครองเยาวชนฉบับที่ 3 (2019–2021)” ยังระบุว่า “การให้ความรู้หรือโฆษณาเกี่ยวกับการใช้ถุงยางยังค่อนข้างขาดแคลนเมื่อเทียบกับยาคุมกำเนิด”

พร้อมระบุต่อว่า “ความยืดหยุ่นในการอนุญาตให้โฆษณายาคุม ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศหญิง อาจสะท้อนถึงการผลักภาระการคุมกำเนิดไปยังผู้หญิง และการมองเพศสัมพันธ์ว่าเป็นพฤติกรรมเบี่ยงเบน”

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำๆ กับบุคคลสาธารณะในเกาหลีใต้ จึงอาจไม่ใช่เรื่องบังเอิญ หากแต่เป็นผลสืบเนื่องมาจากรากฐานที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข เมื่อสื่อไม่กล้าแม้แต่จะโฆษณาถุงยาง แต่ยาคุมกลับขึ้นป้ายได้ทุกที่ ซ้ำเติมภาพจำว่า ความรับผิดชอบเรื่องเพศในสังคมนี้ยังไม่ได้ถูกแบ่งอย่างเท่าเทียม 

และตราบใดที่ผู้ชายยังถูกปล่อยให้หลุดพ้นจากบทสนทนาเรื่องการป้องกัน การตั้งครรภ์ที่ไม่มีใครวางแผนก็จะยังเป็นข่าวซ้ำบนหน้าสื่อให้เราเห็นซ้ำแล้วซ้ำเล่า

วาดฝัน Writerวาดฝัน

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง