งานวิจัยฮ่องกงชี้ วัคซีน ‘ไบโอเอ็นเทค’ มีประสิทธิภาพสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกายสูงกว่า ‘ซิโนแวค’ 10 เท่าตัว แนะผู้ที่ฉีดวัคซีนซิโนแวคครบ 2 เข็ม ควรฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 กระตุ้นภูมิคุ้มกันโควิด-19
วันที่ 16 ก.ค. 2564 เว็บไซต์ SCMP สื่อภาษาอังกฤษในฮ่องกง รายงานอ้างผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยฮ่องกงที่เผยแพร่ผ่านวารสาร ‘Lancet Microbe’ โดยยืนยันว่า วัคซีนโควิด-19 ของไบโอเอ็นเทค (BioNTech) ซึ่งร่วมพัฒนากับไฟเซอร์ สร้างภูมิคุ้มกันไวรัสโควิด-19 สูงกว่าวัคซีนซิโนแวค (Sinovac) มากถึง 10 เท่าตัว
งานวิจัยชิ้นนี้ศึกษาจากอาสาสมัครจำนวน 93 คน แบ่งเป็นอาสาสมัครที่รับวัคซีนไบโอเอ็นเทค 63 คน และอาสาสมัครที่รับวัคซีนซิโนแวค 30 คน ซึ่งจากการตรวจระดับภูมิคุ้มกันในร่างกายพบว่า ผู้ได้รับวัคซีนไบโอเอ็นเทค มีระดับภูมิคุ้มกันสูงขึ้นอย่างมาก ทันทีที่ได้รับเข็มแรก และระดับภูมิคุ้มกันสูงขึ้นอีกครั้งเมื่อได้รับเข็มที่ 2 ขณะที่อาสาสมัครที่ได้รับวัคซีนซิโนแวค มีระดับภูมิคุ้มกันต่ำเมื่อรับวัคซีนเข็มแรก ก่อนจะเพิ่มขึ้นเป็นระดับปานกลาง หลังได้รับเข็มที่ 2
นอกจากนี้งานวิจัยฮ่องกงยังระบุว่า ระดับภูมิคุ้มกันที่ได้รับจากวัคซีนไบโอเอ็นเทค เมื่อตรวจด้วยวิธี PRNT พบค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 269 ขณะที่วัคซีนซิโนแวคตรวจระดับภูมิคุ้มกันเฉลี่ยได้แค่ 27 ซึ่งถือว่าวัคซีนไบโอเอ็นเทค สร้างภูมิคุ้มกันในร่างกายมากกว่าถึง 10 เท่าตัว
ทีมวิจัยในฮ่องกงยังเปิดเผยด้วยว่า อาสาสมัครที่ฉีดวัคซีนไบโอเอ็นเทคแล้วมีระดับภูมิคุ้มกันต่ำที่สุด ยังสูงกว่าอาสาสมัครที่มีภูมิคุ้มกันสูงสุดหลังฉีดวัคซีนซิโนแวคเสียอีก พร้อมชี้ว่าระดับภูมิคุ้มกันที่ได้จากวัคซีนซิโนแวค มีระดับเดียวกันหรือน้อยกว่าภูมิคุ้มกันของผู้ป่วยโควิด-19 ที่หายดีแล้วเล็กน้อย
งานวิจัยชิ้นนี้สรุปว่า วัคซีนทั้งสองชนิดมีประสิทธิภาพสร้างภูมิคุ้มกันต้านไวรัสโควิด-19 ในร่างกายมนุษย์ แต่ผู้ที่ได้รับวัคซีนซิโนแวคครบ 2 เข็มแล้ว ควรเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกาย
