รู้จักบอสแบบ ‘Girl Dad’ เจ้านายที่ดีที่สุด ในสายตาพนักงานคนรุ่นใหม่

รู้จักบอสแบบ ‘Girl Dad’ เจ้านายที่ดีที่สุด ในสายตาพนักงานคนรุ่นใหม่

Work Life

เจ้านายที่ดีและบรรยากาศที่ดีสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้อย่างมาก โดยสามารถกระตุ้นคุณภาพของผลงานมากกว่า 10% ขณะเดียวกัน พนักงานจะมีส่วนในการสร้างการเติบโตในเชิงผลกำไรให้กับองค์กรกว่า 21% (ข้อมูลจาก mckinsey)

เหตุผลเราะว่า วัฒนธรรมองค์กรที่ดี จะขับเคลื่อนด้วยภาวะผู้นำที่แข็งแกร่งในขณะเดียวกันก็มีความเข้าอกเข้าใจในจุดเล็กๆ ที่พนักงานรู้สึกด้วย รวมถึงสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวย ส่งเสริมการมีส่วนร่วมและแรงจูงใจของพนักงาน นำไปสู่การตัดสินใจที่ดีขึ้น ผลผลิตที่สูงขึ้น และอัตราการรักษาพนักงานเก่าที่ดีขึ้นเช่นกัน

[ กระแสในโซเชียลพูดถึงเจ้านายแบบ ‘Girl Dad’ ]

หนึ่งในกระแสโซเชียล โดยเฉพาะบนแพลตฟอร์ม TikTok ในฝั่งของสหรัฐอเมริกา กำลังพูดถึงเจ้านาย หรือหัวหน้างาน ‘ผู้ชาย’ ที่มีลักษณะความเป็น ‘Girl Dad’ สูงมาก ซึ่งคำๆ นี้มาจากบอสที่มีลูกสาว โดยมองว่าเจ้านายที่เป็นแบบนี้จะให้มุมมองและพฤติกรรมบางอย่างต่อลูกน้องที่ค่อนข้างน่าประทับใจ

ผู้ใช้งาน TikTok (@mk.coles) เธอได้แชร์เกี่ยวกับเจ้านายที่เป็นแบบ Girl Dad ว่า “บอสจะเห็นหรือสัมผัสถึงจุดเล็กๆ ที่คนอื่นมองไม่เห็น โดยเฉพาะเรื่องที่อ่อนไหว ทั้งยังแสดงออกถึงความภาคภูมิใจในตัวลูกน้องแม้มันจะเป็นแค่เรื่องเล็กๆ ก็ตาม”

ทฤษฎีการมีเจ้านายแบบ Girl Dad ไม่ใช่เป็นเพียงแค่ความรู้สึก หรือความประทับใจส่วนตัว แต่มีงานวิจัยที่พูดถึงเรื่องนี้ และเห็นตรงกันว่า บอสแบบ Girl Dad สร้างบรรยากาศในองค์กรให้ดีขึ้นจริงๆ รวมไปถึงความเห็นอกเห็นใจพนักงาน และความยุติธรรม ทำให้พนักงานผู้หญิงที่มีความสามารถมีโอกาสขยับขึ้นตำแหน่งที่สูงขึ้น แม้แต่ในระดับ C-Level

[ เจ้านาย ‘Girl Dad’ มักใช้จ่ายเพิ่ม เพื่อห้พนักงานมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ]

งานวิจัยจาก Stockholm School of Economics, Erasmus University และ Jönköping University ชี้ว่า บอสที่มีลักษณะดังกล่าวจะสนับสนุนการทำงานระหว่างชายและหญิงอย่างเท่าเทียม รวมทั้งการให้สิทธิอย่างเท่าเทียมด้วย

ขณะที่งานวิจัยเรื่องShaped by Their Daughters: Executives, Female Socialization, and Corporate Social Responsibility” จาก Journal of Financial Economics ซึ่งใช้วิธีวัดผลจากซีอีโอ 400 คน (ผู้ชายและผู้หญิง) ที่มีลูกแล้วทั้งหมด

งานวิจัยพบว่า ซีอีโอผู้ชายที่มีลูกสาวมักจะใช้จ่ายเงินเพิ่มขึ้นเกือบ 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี (ประมาณ 1,941 ล้านบาท) สำหรับความรับผิดชอบต่อสังคม ซึ่งรวมถึงปัจจัยต่างๆ เช่น การดูแลเด็กและเวลาที่ยืดหยุ่น, ความไม่เต็มใจที่จะเลิกจ้างพนักงาน และแนวโน้มที่จะแบ่งปันผลกำไรกับพนักงาน

ทีมนักวิจัยสรุปว่า “ซีอีโอที่เป็นผู้ชายแบบ Girl Dad มีแนวโน้มที่จะนำแนวปฏิบัติ CSR มาใช้คล้ายกับซีอีโอที่เป็นผู้หญิงเกือบ 1 ใน 3 และให้ความสำคัญกับคุณชีวิตของพนักงาน”

Annmarie Caño นักจิตวิทยาคลินิกและศาสตราจารย์ประจำมหาวิทยาลัย Gonzaga ได้กล่าวว่า “พ่อแม่ส่วนใหญ่จะทุ่มเทให้กับความสำเร็จของลูกๆ ดังนั้น การที่พ่อถูกดึงเข้าไปในโลกสังคมของลูกสาว (พนักงาน) จะทำให้พ่อได้เรียนรู้ถึงความไม่เท่าเทียมทางสังคมที่ลูกสาวต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน การผลิตผลงาน ปัญหาส่วนตัว รวมไปถึงความท้าทายต่างๆ ในบริษัท”

[ Gen Z มองว่าบอสแบบ Girl Dad คือเจ้านายที่ดีที่สุด ]

งานวิจัยหลายชิ้นในอเมริกา ระบุคล้ายกันว่า เจ้านายชายที่มีลูกสาวมักจะจ้างและเลื่อนตำแหน่งผู้หญิงมากกว่า รวมไปถึงช่องว่างเรื่องค่าจ้างระหว่างพนักงานชายและหญิงก็ลดลง เพราะบอส Girl Dad ให้ความสำคัญกับเรื่องความเท่าเทียมระหว่างเพศมากที่สุด

Columbia Business School ระบุถึง ‘ปรากฎการณ์ลูกสาว’ (daughter effect) ทำให้ผลตอบแทนระหว่างเพศลดลงถึง 3% และมีแนวโน้มที่จะลดลงเรื่อยๆ ในหลายองค์กร

ซีอีโอชายหลายคนที่ทำการสำรวจ ให้ความเห็นเรื่องการเปลี่ยนแปลงว่า ข้อจำกัดของพนักงานที่เป็นผู้หญิงมากเกินไป เมื่อเทียบกับพนักงานผู้ชาย รวมถึงวัฒนธรรมการทำงานในหลายๆ ที่ไม่เอื้อต่อการเติบโตของพนักงานหญิงที่มีความสามารถ

ขณะเดียวกันยังมีการทำการสำรวจจากมุมมองของพนักงานแต่ละเจเนเรชั่นว่า ต้องการบอสแบบ Girl Dad หรือไม่ พบว่า กลุ่มพนักงานคนรุ่นใหม่ หรือ Gen Z มักจะชื่นชมและอยากร่วมงานกับเจ้านายที่เป็นคาแรคเตอร์แบบนี้มากที่สุด

พวกเขามองว่า การที่บอสมีลูกสาวทำให้การมองและพิจารณาผลงานของพนักงานแต่ละคนมีความละเอียด และมีความเที่ยงตรง ไม่มีอคติระหว่างเพศ อีกทั้งยังพร้อมซัพพอทพนักงานที่มีประสิทธิภาพและกระตือรือร้นที่อยากเรียนรู้สิ่งใหม่เพิ่มเติมด้วย

ถ้าถามว่า อยากได้บอสที่มีความ Girl Dad หรือไม่? คำตอบก็คงไม่มีผิดหรือถูกทีเดียว เพราะแก่นแท้ของความประทับใจนี้คงไม่ได้อยู่ที่เจ้านายคนนั้นจะมีลูกสาวหรือไม่ แต่อยู่ที่การแสดงออกและความยุติธรรมในการบริหารงานมากกว่า คือคีย์สำคัญของเรื่องนี้

แท็กที่เกี่ยวข้อง
Prakaiporn WriterPrakaiporn

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง