นับตั้งแต่ต้นปีเป็นต้นมา เศรษฐกิจทั่วโลกมีความผันผวน จากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน
ด้วยเหตุการณ์นี้ ทำให้เราเห็นดัชนีตลาดหุ้นขึ้นลงในอัตราที่ไม่ต่างจากหุ้นรายตัวเลย
อย่าง S&P 500 ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในเดือนเมษายนที่ลดลงถึงหลัก 10% เมื่อเทียบกับ 2 เดือนก่อนหน้า ก่อนที่ปัจจุบันจะกลับมาทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้งได้แล้ว
เมื่อโลกกำลังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน คนก็เริ่มมองหาสินทรัพย์ Safe Haven หรือสินทรัพย์ที่สามารถรักษาเงินต้นหรือเพิ่มมูลค่าในช่วงเวลาเหล่านี้ไว้ได้
และหนึ่งในสินทรัพย์ Safe Haven ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ ทองคำ
โดยหากนับตั้งแต่ต้นปี ราคาทองคำโลกเพิ่มขึ้นมาแล้วกว่า 50% ซึ่งมากกว่าผลตอบแทนของ S&P 500 ถึง 3 เท่า
อย่างไรก็ตาม เมื่อพูดถึงทองคำ อีกหนึ่งสินทรัพย์ที่หลายคนนึกถึงก็คือ บิตคอยน์ สินทรัพย์ที่มีฉายาว่าทองคำดิจิทัล
คำถามคือ บิตคอยน์ถือเป็น สินทรัพย์ Safe Haven ด้วยหรือไม่ และรักษามูลค่าได้ดีกว่าทองคำหรือไม่ ในช่วงที่สถานการณ์ไม่ปกติ TODAYBizview จะสรุปให้ฟังแบบเข้าใจง่าย ๆ
สินทรัพย์ Safe Haven เช่น ทองคำ และพันธบัตรรัฐบาล จะมีคุณสมบัติที่คล้ายคลึงกันหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น
– มีสภาพคล่อง แปลงเป็นเงินสดได้ง่าย
– มีจำนวนจำกัด และเป็นที่ต้องการ
– มีความคงทน ไม่เสื่อมตามกาลเวลา
ดูแล้วก็เหมือนว่า บิตคอยน์น่าจะเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ Safe Haven ด้วย
แต่คุณสมบัติที่สำคัญที่สุดของสินทรัพย์ Safe Haven คือ จะต้องรักษามูลค่าหรือมีโอกาสเพิ่มมูลค่า ในช่วงเวลาที่สภาวะเศรษฐกิจเกิดการผันผวน หรือกำลังเข้าสู่ภาวะตกต่ำ
ดังนั้นการเคลื่อนไหวของราคาจะไม่ได้ไปในทิศทางเดียวกับสินทรัพย์ประเภทอื่น หรืออาจเคลื่อนไหวทิศทางตรงกันข้ามกับเศรษฐกิจด้วยซ้ำ
ทีนี้ก็ต้องไปดูผลตอบแทนของบิตคอยน์ว่ามีทิศทางเป็นอย่างไร ในช่วงที่ตลาดหุ้นนั้นให้ผลตอบแทนที่แย่ ก็จะพบว่า
– ปี 2561 ผลตอบแทนของ S&P 500 = -6.24% ผลตอบแทนของบิตคอยน์ = -73.56%
– ปี 2565 ผลตอบแทนของ S&P 500 = -19.44% ผลตอบแทนของบิตคอยน์ = -64.27%
จะเห็นได้ว่า ผลตอบแทนนั้นไปทิศทางเดียวกัน ซึ่งถ้าดูปีที่ตลาดหุ้นให้ผลตอบแทนเป็นบวก บิตคอยน์ก็บวกด้วยเช่นกัน
ซึ่งสอดคล้องกับ Correlation ตัวเลขที่บอกว่า สองสินทรัพย์ที่นำมาเทียบกัน มีความสัมพันธ์กันมากน้อยแค่ไหน ยิ่งตัวเลขใกล้ 1 แสดงว่า สินทรัพย์ทั้งคู่ไปในทิศทางเดียวกัน
อย่างล่าสุดตัวเลข Correlation ของบิตคอยน์และ S&P 500 พุ่งมาอยู่ที่ 0.8 นั่นหมายความว่า ผลตอบแทนของทั้งสองค่อนข้างเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางเดียวกัน
จากเรื่องนี้เองที่ทำให้บ่อยครั้งเราเห็นข่าวว่า ตลาดหุ้นและบิตคอยน์ร่วงและขึ้นพร้อม ๆ กันอยู่เสมอ
ทั้งนี้บิตคอยน์จะเพิ่มขึ้นหรือลดลงในอัตราที่สูงกว่าตลาดหุ้น เช่น
– ปี 2566 ผลตอบแทนของ S&P 500 = 24.23% ผลตอบแทนของบิตคอยน์ = 155.42%
– ปี 2567 ผลตอบแทนของ S&P 500 = 23.31% ผลตอบแทนของบิตคอยน์ = 121.05%
สำหรับใครที่มองว่า S&P 500 จะยังคงเติบโตได้ดีต่อไป การลงทุนในบิตคอยน์เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทน ก็ดูเหมือนเป็นแนวทางที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย
แต่นี่ก็เป็นเหตุผลสำคัญด้วยว่า ทำไมบิตคอยน์อาจยังไม่ใช่สินทรัพย์ Safe Haven ในเวลานี้ และทำไมนักลงทุนและสถาบันส่วนใหญ่จึงยังเลือกเก็บทองคำไว้ในพอร์ต เพื่อบริหารความเสี่ยงไว้นั่นเอง..










