
ทางการฮ่องกงเริ่มบังคับใช้กฎหมายห้ามสวมหน้ากากปิดบังใบหน้าอย่างจริงจังแล้ว โดยล่าสุดมีการจับกุมผู้ประท้วง 2 คนแรก ส่งตัวฟ้องศาลเมื่อวานนี้ โดยเป็นการพิจารณาคดีรูปแบบนี้ครั้งแรก หลังกฎหมายห้ามสวมหน้ากากปกปิดใบหน้ามีผลบังคับใช้เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (5 ต.ค.)
เมื่อวันที่ 7 ต.ค.62 นักศึกษาชายวัย 18 ปี มหาวิทยาลัยซิตี้ฮ่องกง (CityU) และหญิงวัย 38 ปี ที่อ้างว่าไม่มีงานทำ ผู้ต้องหา 2 รายแรก ถูกตำรวจนำตัวขึ้นรถส่งฟ้องศาลในข้อหาฝ่าฝืนกฎหมายฉุกเฉินสวมหน้ากากปิดบังใบหน้า ที่เพิ่งประกาศใช้เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (5 ต.ค.) และอีก 1 ข้อหาฐานชุมนุมประท้วงผิดกฎหมาย ท่ามกลางผู้ประท้วงหลายคนที่มากางร่มรอหน้าทางเข้าศาล
โดยข้อหาชุมนุมโดยผิดกฎหมาย มีโทษจำคุกสูงสุด 3 ปี และ ข้อหาท้าทายคำสั่งห้ามปิดบังบหน้า มีโทษสูงสุดคือจำคุก 1 ปี อย่างไรก็ตาม ทั้งคู่ได้รับการประกันตัวไปภายใต้เงื่อนไขเคร่งครัด ด้วยเงินประกัน 300 ดอลลาร์ฮ่องกง (ประมาณ 1,165 บาท) และ 1,000 ดอลลาร์ฮ่องกง (ประมาณ 3,885 บาท) ตามลำดับ โดยมีเงื่อนไขว่าต้องปฏิบัติตามการประกาศห้ามออกจากเคหสถานภายในระยะเวลาที่กำหนดหรือเคอร์ฟิว ห้ามเดินทางออกนอกเกาะฮ่องกง และต้องรายงานตัวต่อตำรวจทุกสัปดาห์
ขณะเดียวกัน สำนักงานศึกษาธิการของฮ่องกงได้ส่งหนังสือไปยังโรงเรียนมัธยมทุกแห่ง ให้รวบรวมรายชื่อนักเรียนที่ไม่เข้าเรียนเพราะไปร่วมการชุมนุมประท้วง หรือ สวมหน้ากากามาเรียน รวมถึงจัดกิจกรรมการประท้วงภายในสถานศึกษา ส่งรายงานกลับมาให้สำนักงานศึกษาธิการเพื่อเก็บไว้เป็นข้อมูลต่อไป
ส่วนนักข่าวฮ่องกงที่มีภาพถูกระเบิดขวดเขวี้ยงเข้าใส่มาจากกลุ่มผู้ประท้วง จนเกิดไฟไหม้ตามหน้าและตามตัวได้รับบาดเจ็บนั้น ล่าสุดต้นสังกัดคือ สำนักข่าว RTHK ของฮ่องกงได้ออกมาเปิดเผยว่า นักข่าวคนดังกล่าวมีแผลไฟลวกที่ใบหน้า แล ะกำลังรับการรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล พร้อมระบุว่า ขณะเกิดเหตุนักข่าวคนดังกล่าวสวมหมวกที่มีคำว่า “สื่อมวลชน” สวมเสื้อกั๊กสะท้อนแสงสีเหลืองสัญลักษณ์ของสื่อมวลชนอย่างชัดเจน
สถานการณ์ในฮ่องกงครุกรุ่นขึ้นไปอีก เมื่อล่าสุดมีภาพของพนักงานธนาคารชายชาวจีนคนหนึ่ง ถูกกลุ่มผู้ประท้วงด่าทอขับไล่ให้กลับประเทศ จนกระทั่งถูกทำร้ายร่างกายต่อหน้าสื่อมวลชนที่กำลังรุมทำข่าวอยู่
เหตุดังกล่าวทำให้บรรยากาศการประท้วงในฮ่องกงตึงเครียดเพิ่มมากขึ้น ขณะที่ระบบเศรษฐกิจในฮ่องกงล่าสุดย่ำแย่ มีข้อมูลว่าการค้าและการท่องเที่ยวของฮ่องกงซบเซา ยอดนักท่องเที่ยวลดลงกว่า 40% ตั้งแต่เริ่มมีการประท้วงมาเกือบ 4 เดือนแล้ว









